Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา 25-26 พ.ย.นี้ ห้ามพลาด เปิดห้องจริงวิวจริงครั้งแรก!!! ลดส่งท้ายปี ราคาดี ฟรีทุกรายการ* เริ่ม 2 ล้านต้น

25-26 พ.ย.นี้ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา จาก SC ASSET เปิดห้องจริงวิวจริงครั้งแรก!!! ห้ามพลาด  โปรโมชั่นพิเศษ ลดส่งท้ายปี ราคาดี ฟรีทุกรายการ* เริ่ม 2 ล้านต้น

นอกจากนั้นยังมีโปรโมชั่นพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จ่ายหลักหมื่น คืนหลักแสน พร้อมผ่อนสบาย ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% นาน 3 ปี พบกันที่ Sales Gallery

โครงการแชมเบอร์ส เฌอ (CHAMBERS CHER) รัชดา-รามอินทรา พื้นที่โครงการ 4-1-85.2 ไร่จำนวน 252 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลติดถนนรัชดา-รามอินทราตัดใหม่ ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์, ถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก และถนนเกษตรนวมินทร์ ให้คุณเชื่อมต่อสู่ถนนสายหลักอื่น ๆ ได้สะดวก ทั้งยังใกล้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (โครงการในอนาคต)

รายล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ The Promenade, Fashion Island, Festival Walk, Crystal Park, CDC ซึ่งครบครันทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการอยู่อาศัย ทั้งโรงพยาบาล และ โรงเรียนต่าง ๆ

คอนโดอารมณ์บ้านแห่งนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว หรือผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ โดยเน้นการออกแบบพื้นที่โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้อยู่สบายใกล้เคียงเหมือนอยู่บ้าน

ในบรรยากาศเดนิชโมเดิร์น ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ด้วยห้องหน้ากว้าง ถึง 3 เมตร  มาพร้อมกับหน้าต่างสูงสุดฝ้า ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่รู้สึกอึดอัด และความโปร่งสบายนี้ถือเป็นหัวใจหลักของตัวโครงการ

พร้อมพื้นที่ส่วนกลางก็เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคลับเฮ้าส์ 2 ชั้น ที่เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่นกลางสวน และสระว่ายน้ำที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ และดอกไม้นานาพันธุ์ ที่จะออกดอกตามฤดูกาล ทำให้สวนดูมีชีวิตชีวาตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าคุณจะได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริง

พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV, เข้า-ออกระบบ Keycard Access และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

ผู้ที่สนใจโครงการ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา สามารถเข้าร่วมงานในวันที่ 25-26 พ.ย. นี้ ได้ที่ Sales Gallery เชิญชมห้องตัวอย่างจริง วิวจริงครั้งแรก และพบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษส่งท้ายปี เฉพาะงานนี้เท่านั้น

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษคลิก :  https://goo.gl/yGT8KT

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1749 หรือ LINE@: @sccondo

คอนโด เซ็นทริค รัชโยธิน Centric Ratchayothin

SC ASSET เตรียมเปิดตัวโครงการ “เซ็นทริค รัชโยธิน“ คอนโดใหม่ บนทำเลสมบูรณ์แบบ ใจกลางรัชโยธิน  เพียง 150 เมตร จาก BTS รัชโยธิน  2 สถานี ถึงเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว…ประสบการณ์ใหม่ของการใช้ชีวิตในคอนโด เร็ว ๆ นี้

ที่ตั้งโครงการ

ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.

พิกัด Google : 13.831931, 100.571188

:: ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ::

คลิกที่นี่ เพื่อลงทะเบียน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Tel : 1749

Website : www.scasset.com

EP.968 รีวิว บ้านเดี่ยว เพฟ รามอินทรา-วงแหวน Pave Ramintra-Wongwaen

สวัสดีค่ะผู้อ่าน Homenayoo ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ Pave รามอินทรา – วงแหวน จาก SC ASSET เป็นโครงการบ้านเดี่ยวบน ถนนกาญจนาภิเษก ซอย4 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. อยู่ในย่านชุมชน ไปยังตลาดสด, ร้านค้า, ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าได้สะดวก ไม่ไกลจากถนนรามอินทรา วงแหวนรอบนอกกาญจนาและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์

เพฟ รามอินทรา – วงแหวน เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่โครงการ 78-3-04 ไร่ ไร่ มีทั้งหมด 308 ยูนิต มีให้เลือกถึง 1 แบบ โดยที่ดินเริ่มต้น 17.8 ตร.วา. ขึ้นไป ขนาดพื้นที่ใช้สอยจะเริ่มตั้งแต่ 102.0 ตร.ม. มี 4 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 1 คัน คาดว่าสร้างเสร็จทั้งโครงการประมาณเดือนกันยายนปี 2561

สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการมีพื้นที่ Clubhouse ภายในจะมีทั้งฟิตเนส, สระว่ายน้ำ และพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย ปีนผาจำลองขนาดเล็กและสวนสาธารณะ ราคาเริ่มต้นที่ 4.49 ล้านบาท

วันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปสำรวจสถานที่ วิเคราะห์ทำเล และดูบ้านตัวอย่างกันค่ะ ว่าโครงการนี้เป็นอย่างไร : )

ที่ตั้งโครงการ

พิกัด google map : 13°53’11.6″N 100°40’58.6″E

ถนนกาญจนาภิเษก ซอย4 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. 10220

โครงการ Pave รามอินทรา – วงแหวน ตั้งอยู่บนกาญจนาภิเษก ซอย4 เป็นซอยที่เข้าจากถนนเลียบวงแหวนรอบนอกกาญจนา โดยรอบเป็นย่านพักอาศัย มีร้านค้าและร้านอาหารบ้างประปราย ไม่ไกลจากตลาดน้ำ ตลาดสด ไปยังจุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์,วงแหวนรอบนอกกาญจนาได้สะดวกทำให้เดินทางเข้า-ออกตัวเมืองกรุงเทพได้ง่าย

ที่ตั้งโครงการ ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยติดกับถนนเลียบวงแหวนรอบนอกกาญจนา เป็นย่านที่พักอาศัย มีโครงการและหมู่บ้านอยู่ตลอดข้างทางดังนั้นพอมีร้านค้า และร้านอาหารอยู่บ้าง ไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่างแฟชั่นไอส์แลนด์และเดอะพรอมานาดได้ไม่ยาก

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกทีเดียว ปากซอยอยู่ติดกับทางเลียบวงแหวนรอบนอกกาญจนา ซึ่งเป็นถนนที่ตรงไปยังถนนคู้บอน, รามอินทรา, จตุโชติ ไปยังถนนสุขาภิบาล 5 และสายไหมได้ จากหน้าโครงการถ้าตรงไปทางเหนือมุ่งหน้าไปก็จะเชื่อมกับจตุโชติเส้นนั้นวิ่งเข้าสุขุาภิบาล 5 ไปยังสายไหม ถนนเพิ่มสิน ตรงเข้าไปได้จนถึงถนนพหลโยธิน

ถ้าวิ่งลงทางโต้จะเชื่อมกับถนนคู้บอน และรามอินทรา โดยเส้นรามอินทรานั้นเป็นถนนเส้นหลัก ที่เชื่อมต่อกับเส้นอื่นๆ วิ่งลัดเข้าถนนสวนสยามหรือจากแยกเมืองมีนไปยังถนนเสรีไทย และถนนรามคำแหงได้ไม่ยาก อีกทั้งยังตรงไปฉะเชิงเทรา, ถนนร่มเกล้า หรือวิ่งเข้าเกษตรนวมินทร์จากเส้นนี้ อีกทั้งยังเชื่อมกับถนนกาญจนาและเป็นจุดขึ้น-ลงวงแหวนรอบนอกกาญจนา ทำให้ไปได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง หรือจะวิ่งเข้าทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ก็ไม่ไกล

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ หน้าโครงการไม่มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน มีรถแท็กซี่ให้เรียกบ้างเป็นระยะ แต่ถ้าจะสะดวกควรมีเบอร์โทรศูนย์แท็กซี่ หรือแอพลิเคชั่นในมือถือที่สามารถเรียกรถ หรือถ้านั่งรถโดยสารจากเส้นรามอินทราแล้วก็นั่งแท็กซี่ต่อเพื่อเข้าโครงการได้เช่นกัน

ทางด่วน สามารถมายังจุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งเชื่อมต่อกับวงแหวนรอบนอกกาญจนา เส้นนี้วิ่งรอบกรุงเทพทำให้เดินทางไปชานเมืองกรุงเทพได้ง่าย และสามารถวิ่งเชื่อมกับทางด่วนเส้นอื่นๆได้สะดวก

ความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านพักอาศัย จากที่ตั้งโครงการวิ่งเข้าถนนจตุโชติได้ไม่ยาก ซึ่งเส้นนั้นจะเชื่อมกับถนนสุขาภิบาล 5 ซึ่งเป็นเส้นย่านพักอาศัยที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีตลาดสด, ร้านค้า, ร้านอาหาร, มินิมาร์ท ตรงไปเรื่อยๆก็มีคอมมูนิตี้มอลอย่าง Plearnaly Mall ในนั้นมีร้านค้า และร้านอาหารมากมายให้จับจ่ายใช้สอย

ถนนคู้บอนก็มีความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว เพราะสองข้างทางจะมีร้านค้าและร้านอาหารตลาดทาง ในถนนคู้บอนจะมีทั้งสถานที่ราชการ, สถานีศึกศา อีกทั้งถนนพระยาสุเรนทร์ยังมีทั้ง Lotus รามอินทรา 109 และตลาดสดหลายแห่ง ทั้งตลาดพระยาสุเรนทร์, ตลาดนัดเศรษฐีทรงไชย และตลาดกองหนุน

ความอุดมสมบูรณ์จะอยู่บนเส้นรามอินทรา เส้นนั้นจะมี Makro, Fashion Island, The Promenade ในนั้นก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารให้จับจ่ายใช้สอย สามารถไปเดินเล่นในวันหยุดหรือหลังเลิกงานได้ อีกทั้งยังไม่ไกลจากสวนสยาม ตรงหน้าสวนสยามก็มีร้านค้าและร้านอาหารเช่นกัน

แยกและถนนสำคัญใกล้เคียง

• จุดขึ้น – ลงทางด่วน : 2.8 กม.
  
• จุดขึ้น – ลงวงแหวนรอบนอก : 6.9 กม.

• แยกนวมินทร์/กม.8 : 6.6 กม.
• แยกวัดลาดปลาเค้า : 12.2 กม.
• แยกเมืองมีน : 13.4 กม.

• ถนนเลียบวงแหวนรอบนอกกาญจนา : 550 ม.
  
• ถนนจตุโชติ : 2.4 กม.
• ถนนคู้บอน : 4.0 กม.
• ถนนเทพรักษ์ : 5.3 กม.
• ถนนสุขาภิบาล 5 : 5.6 กม.
• ถนนสายไหม : 5.9 กม.
• ถนนหทัยราษฎร์ : 5.9 กม.
• ถนนเพิ่มสิน : 6.1 กม.
• ถนนรามอินทรา : 6.6 กม.
• ถนนนวมินทร์ : 6.6 กม.
• ถนนวัชรพล : 9.0 กม.
• ถนนพหลโยธิน : 11.9 กม.
• ถนนลาดปลาเค้า : 12.2 กม.

การเดินทาง

เรามีภาพการเดินทางโดยรถมาให้ชมกัน เส้นทางการเดินทางตามลูกศรแดง โดยเริ่มเดินทางจาก วงแหวนรอบนอกกาญจนา→ ออกทางออกรามอินทรา → เลี้ยวเข้าทางไปบางปะอิน → ตรงผ่านถนนคู้บอน → เลี้ยวซ้ายเข้าซอยกาญจนาภิเษก 4→ ตรงเข้าไปประมาณ 550 ม. ก็จะเจอพื้นที่โครงการ Pave รามอินทรา – วงแหวน แล้วค่ะ

จากวงแหวนรอบนอกกาญจนา ให้ตรงมาเรื่อยๆตามป้ายบอกทางไปรามอินทราค่ะ

เมื่อถึงป้ายบอกให้ออกไปรามอินทราก็ชิดซ้ายแล้วลงถนนรามอินทรา

วิ่งตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ

เมื่อถึงถนนรามอินทราจะวนมาผ่านแยกที่จะชิดซ้ายมุ่งหน้าไปบางปะอิน หรือตรงไปเพื่อเข้าถนนปัญญาอินทรา ให้ชิดซ้ายไปนะคะ

เมื่อชิดซ้ายมาจะเป็นทางซ้ายที่เลียบไปกับวงแหวนรอบนอก ตรงมาเรื่อยๆผ่านถนนคู้บอน ซึ่งถนนเลียบวงแหวนนี้จะเป็นถนน 2 เลนที่รถสามารถวิ่งสวนทางกันได้

ตรงมาเรื่อยๆจะเห็นว่าข้างทางมีหมู่บ้าน และบ้านพักอาศัยตลอดเส้นทาง

บางช่วงริมทางก็ยังคงมีพื้นที่ดินเปล่าอยู่บ้าง

ตรงผ่านถนนคู้บอนมาประมาณ 4 กม.ก็เลี้ยซ้ายเข้าซอยกาญจนาภิเษก 4

ตรงมาในซอยมีหมู่บ้าน บ้านพักอาศัย และร้านค้า ร้านอาหารตามสั่ง

ถึงสามแยกให้เลี้ยวซ้ายค่ะ

เลี้ยวซ้ายมาก็จะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือเลย

บริเวณโดยรอบโครงการ

โครงการ Pave รามอินทรา – วงแหวน จะเห็นว่าพื้นที่รอบข้างเป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2 ชั้น และที่ดินเปล่าเป็นส่วนมาก มีบ้านพักอาศัยทั้งแบบหมู่บ้าน หรือบ้านเดี่ยวส่วนบุคคล จึงไม่ค่อยพลุกพล่านมากนักแต่ก็ยังคงมีร้านอาหารตามสั่งบ้าง

หน้าโครงการคือถนนในซอย ตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่าดังนั้นจะไม่ค่อยพลุ่กพล่านในบริเวณนี้ค่ะ

ด้านขวามือตรงไปเป็นถนนในซอยที่ลัดเลาะไปยังถนนสุขาภิบาล 5 ได้

ด้านขวาตรงไปลัดเข้าถนนสุขาภิบาล 5 ได้เช่นกัน

แต่ถ้าเลี้ยวขวาจากแยกเมื่กกี้ก็ไปยังยังถนนเลียบวงแหวนรอบนอก

สถานที่สำคัญ

• ตลาดออเงิน : 4.0 กม.
  
• 7/11 : 4.0 กม.
• BigC Market สุขาภิบาล 5 : 4.7 กม.
• ตลาดน้ำพระยาสุเรนทร์ : 5.3 กม.
• BigC คู้บอน : 6.1 กม.
• ตลาดสายเนตร : 6.5 กม.
• ตลาดนัดสี่แยกพระพรหมคลอง 2 : 6.5 กม.
• ปัญญาวิเลจ : 6.8 กม.
• The Promenade : 7.4 กม.
• Fashion Island : 7.4 กม.
• ตลาดนัดเลียบด่วน : 9.5 กม.
• ตลาด ST เพิ่มสิน : 9.9 กม.
• ตลาดถนอมมิตร : 10.7 กม.
• Plearnaly Mall : 10.6 กม.
• Lotus Express : 11.4 กม.
• The Walk เกษตรนวมินทร์ : 12.3 กม.
• ตลาดนัดหัวมุม : 13.4 กม.
• BigC รามอินทรา : 14.0 กม.
• Central รามอินทรา : 14.1 กม.
• ตลาดยิ่งเจริญ : 15.1 กม.

• สวนสยาม : 10.2 กม.
• ซาฟารีเวิลด์ : 8.3 กม.

• วัดคู้บอน : 4.3 กม.
• วัดพระยาสุเรนทร์ : 5.1 กม.
• วัดออเงิน : 6.5 กม.
• เสถียรธรรมสถาน : 11.2 กม.

• รพ.นพรัตน์ : 8.8 กม.
• รพ.เซ็นทรัลเยน : 14.0 กม.
• สถานีตำรวจนครบาล คันนายาว : 4.4 กม.

• รร.วัดคู้บอน : 4.0 กม.
• รร.วัดพระยาสุเรนทร์ : 5.1 กม.
• รร.อนุบาลวัชรพล : 9.2 กม.
• ม.นอร์ทกรุงเทพ : 13.8 กม.
• รร.สตรีวิทยา 2 : 14.1 กม.

บริเวณโครงการ

Pave รามอินทรา – วงแหวน จะแบ่งขายเป็น 2 เฟส โดยส่วนสีแดงคือเฟส 1 ที่กำลังเปิดขายอยู่ค่ะ ส่วนสีน้ำเงินคือเฟส 2 ที่ยังไม่ได้มีกำหนดเปิดขาย เป็นพื้นที่สำหรับขายในอนาคต

โดยพื้นที่โครงการด้านหน้าทางเข้าอยู่ติดกับถนนซอยกาญจนาภิเษก 4 ไม่ไกลจากทางเข้าจะเป็นอาคาร Clubhouse และจะเห็นว่าพื้นที่ในโครงการกำลังก่อสร้าง แต่ละซอยย่อยในโครงการจะไม่ลึกนัก ทำให้ไม่พลุกพล่าน ถนนหลักก็กว้างไม่ต่ำกว่า 12 ม.ทำให้สัญจรสะดวก มีต้นไม้ตอลดข้างทางถนนหลัก

หน้าโครงการจะมีป้ายชื่อโครงการสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย มีสวนด้านหน้าทำให้ดูร่มรื่น ป้ายและซุ้มประตูจะอยุ่ใกล้กันและใช้โทนสี การออกแบบด้วยสีเทา เทาอ่อนและขาวและมีเส้นสายบนผนังทำให้เกิดลวดลาย

ซุ้มประตูจะแบ่งทางเข้า-ออกชัดเจน สองข้างจะมีสวนเล็กๆด้านหน้าและป้ายชื่อโครงการขนาดต่างกัน ตัวซุ้มและป้ายใช้สีโทนเดียวกัน

ประตูกั้นเป็นแบบรางเลื่อนเหล็กสีเทา มีกล้องวงจรปิดตรงนี้ ด้านข้างมีฟุตบาทสำหรับเดินไปยังประตูคนเข้า

ตรงกลางเป็นป้อมรปภ.มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านข้างแบ่งเป็นประตูคนเข้า ประตูสำหรับรถเป็นแบบรางเลื่อนแบบนี้ก็ให้ความปลอดภัยเพราะรถจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์ไม่สามารถผ่านได้

เข้ามาด้านในโครงการเป็นถนนหลักมีเกาะกลาง ที่มีต้นไม้ตลอดแนว ด้านข้างก็เป็นสวนของโครงการ ถนนหลักส่วนด้านหน้านี้จะกว้าง 18 ม.

ถนนหลักเมื่อตรงไปเรื่อยจะกว้าง 16 ม. และ 12 ม. สองข้างทางจะดูร่มรื่นแบบนี้เพราะมีต้นไม้ตลอด ด้านซ้ายคือบ้านตัวอย่าง

เข้ามาด้านในจะมีวงเวียน

จากวงเวียนไปถนนหลักก็จะไม่มีเกาะกลางแล้ว และจะกว้าง 16 ม. สองข้างทางก็จะได้ต้นไม้จากริมถนนของโครงการและจากในบ้านแต่ละหลัง อีกทั้งยังมีฟุตบาทให้เดินตลอดแนว

ในซอยถนนกว้าง 9 ม.และยังคงมีฟุตบาทให้ ด้านนอกก็เป็นสวนเล็กๆมีไม้พุ่มให้ความสดชื่น แต่ละซอยจะไม่ลึกนะคะ มากสุดจะมีเพียงฝั่งละ 4 หลัง

ด้านข้างถนนหลักใกล้ซุ้มประตูทางเข้าจะเป็นพื้นที่สวนส่วนกลาง

มีทางเดินริมสวน ต้นไม้ใหญ่ สนามหญ้า และไม้พุ่ม

ตรงมาไม่ไกลจากซุ้มประตูทางเข้าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง เป็นกลุ่มอาคาร Clubhouse

กลุ่มอาคาร Clubhouse อีกมุมค่ะพื้นที่นี้จะรายล้อมด้วยสวน ต้นไม้ มีไม้พุ่มไม้ดอกให้ความสดชื่น มีทางเดินโดยรอบ

เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่มีหลายอาคาร แต่ละอาคารก็แยกฟังก์ชั่นการใช้งานกัน

หลังแรกนั้นจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับรอง ซึ่งปัจจุบันเป็นสำนักงานขายค่ะ

พื้นที่ส่วนถัดไปจะแบ่งเป็นอาคาร และพื้นที่ใช้งานแยกกันแบบนี้ แต่มีทางเดินที่จะเชื่อมแต่ละจุด

มุมนี้เป็นมุมสนามเด็กเล่น และหน้าผาจำลองขนาดเล็ก จะเห็นว่าระดับความสูงของหน้าผาจะไม่สูงมากนักค่ะ เหมาะสำหรับเด็กๆ

ตรงข้ามกันนั้นคืออาคารฟิตเนส

พื้นที่ภายในฟิตเนสขนาดพอดี มีเครื่องเล่นหลากหลาย เป็นอาคารที่มีผนังกระจกทำให้ห้องดูกว้าง

ชุดดัมเบลพร้อมที่นั่งพัก ติดกันนั้นก็จะมีเก้าอี้ปรับระดับสำหรับออกกำลังกาย

ลู่วิ่ง 3 เครื่อง

เครื่องวิ่งวงรี 2 เครื่อง

จักรยาน 2 เครื่องทั้ง

เก้าอี้ปรับระดับสำหรับออกกำลังกาย และเครื่องเล่นเวทเทรนนิ่ง

ถัดไปเป็นอาคารห้องน้ำค่ะ โดยจะแยกห้องชาย-หญิง

ภายในห้องน้ำ

ตรงข้ามห้องน้ำจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำและอาคารพักผ่อน

สระว่ายน้ำอยู่ติดกับถนนแบบนี้ค่ะ มีพื้นที่นั่งเล่นริมสระ

สระเป็นระบบเกลือแบ่งเป็นสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ มีที่นั่งเล่น และเก้าอี้อาบแดดริมสระ อาคารด้านขวาที่เห็นคืออาคารฟิตเนส ตรงหน้าคืออาคารรับรอง

ส่วนอาคารที่อยู่ติดกับสระนั้นจะเป็นอาคารไว้พักผ่อน นั่งเล่น ถ้าผู้ปกครองที่มานั่งรอเด็กๆว่ายน้ำ ก็มานั่งหลบแดด รับแอร์เย็นๆด้านในได้เลย

แบบบ้าน

บ้านในโครงการมี 3 แบบค่ะ คือ

• Linear บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม. 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ
• Circle บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 178 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ
• Infinity บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 217 ตร.ม. 5 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ

Linear บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม. 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ

Circle บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 178 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ

Infinity บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 217 ตร.ม. 5 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ

บ้านตัวอย่าง

จะมีให้ชมทั้ง 3 แบบ สำหรับวันนี้ทีมงานจะพาไปชม 2 แบบนะคะ

• Linear บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม. 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ
• Infinity บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 217 ตร.ม. 5 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ

Linear เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม. ด้านหน้ามีพื้นที่สวน และสวนรอบบ้าน พื้นที่จอดรถในร่มสำหรับ 2 คัน ชั้นล่างเมื่อเปิดเข้าไปส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งสามารถวางโต๊ะทานอาหารตัวใหญ่ หรือแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับทำงานได้ อยู่ติดกับครัว ครัวเป็นครัวเปิดสามารถกั้นผนังเพื่อเป็นครัวปิดได้เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ขนาดครัวกว้างพอไม่จำเป็นต้องต่อเติมเพิ่มสำหรับบ้านที่ชอบทำอาหาร เพียงแต่ต้องมีเครื่องดูดควันและทำเป็นครัวปิด ด้านหลังจะเป็นพื้นที่ซักล้าง

ชั้นบนเป็นห้องนอนทั้งหมดมี 3 ห้องนอนโดยห้องนอนใหญ่จะกินพื้นที่ฝั่งหนึ่งของบ้านและมีระเบียงส่วนตัว ทำให้พื้นที่ห้องกว้างขวาง โปร่งสบายเพราะมีหน้าต่างกระจก และประตูระเบียงที่เป็นกระจก ขนาดพื้นที่ห้องกว้างโครงการจึงทำเป็น Walk in closet ให้อยู่หน้าห้องน้ำ ห้องนอน 2-3 มีขนาดใกล้เคียงกัน โดยห้องนอน 2 จะมีพื้นที่มากกว่าเล็กน้อย สำหรับห้องนอนทั้งสองห้องนี้จะใช้ห้องน้ำร่วมกัน ขนาดพื้นที่ภายในสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต และมีพื้นที่เหลือวางเฟอร์นิเจอร์หลักๆส่วนอื่นทั้ง โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง

ตัวบ้านใช้โทนเรียบไม่กี่สี แต่ให้เส้นสายบนผนังพร้อมทั้งเส้นสายจากขอบคาน ขอบเสาเพื่อให้บ้านมีมิติ ไม่ดูเรียบจนเกินไปแต่ก็ไม่ฉูดฉาด ราวกันตกตรงระเบียงและกรอบประตู-หน้าต่างจะเป็นเหล็กสีเทา และจะเห็นว่าตัวบ้านมีหน้าต่างและประตูกระจกบานใหญ่ซึ่งจะทำให้บ้านภายในดูโปร่ง และสว่างเพราะได้แสงธรรมชาติเข้าไปในตัวบ้านค่ะ พื้นที่จอดรถจะสามารถจอดได้ 2 คันค่ะ

บ้านจริงที่ได้ค่ะ หน้าประตูรั้วจะมีทางเดินที่มีสนามหญ้า และไม้พุ่มส่วนนี้เป็นพื้นที่ของโครงการจึงจะมีเจ้าหน้าที่ทำสวนให้ตลอด รั้วบ้านเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนสีเทา

หน้าบ้านมีกล่องจดหมาย พร้อมหลายเลขบ้านติด ด้านล่างเป็นช่องสำหรับทิ้งขยะ

ด้านในตรงช่องทิ้งขยะจะเป็นแบบนี้ เป็นถังขยะปิดและมีช่องสำหรับทิ้งให้มิดชิด จึงทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

พื้นที่จอดรถสำหรับ 2 คัน เป็นที่จอดรถในร่มค่ะ

ติดกับพื้นที่จอดรถจะเป็นประตูทางเข้าบ้าน ด้านหน้ามีเฉลียงยกระดับจากพื้นที่ พื้นเฉลียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้มขนาด 30×30 ซม.

บ้านจริงที่ได้ พื้นที่จอดรถจะเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ ด้านหน้าประตูทางเข้าบ้านจะมีทางเดินปูไว้ให้และมีสนามหญ้า พื้นที่สวนซึ่งโครงการจะจัดสวนให้ตามนี้

ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีเทา กระจกเขียวตัดแสง พื้นด้านในตัวบ้านจะยกระดับจากพื้นเฉลียง

เนื่องจากหน้าบ้านเป็นประตูกระจกบานใหญ่ และในบ้านยังมีหน้าต่างกระจกหลายจุด ทำให้เมื่อเข้ามาในบ้าน บ้านดูสว่าง กว้างและโปร่ง เข้าไปในบ้านส่วนแรกที่เจอคือห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่วางโซฟาและทีวีให้เป็นมุมพักผ่อน จากตรงนี้จะเห็นไปถึงหลังบ้านเลยซึ่งก็มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่เช่นกัน

ด้านนี้จะเป็นตำแหน่งวางโซฟา สามารถวางโซฟาตัวใหญ่แบบเดี่ยว, แบบเป็นโซฟาชุดหรือ L-Shape ก็ได้ มีพื้นที่ว่างให้วางโต๊ะกาแฟเล็กๆด้านหน้า และมีพื้นที่เหลือด้านข้างวางเป็นโคมไฟ หรือชั้นวางของแบบนี้ หลังโซฟาจะมีหน้าต่างกระจกทำให้ห้องนั่งเล่นดูกว้าง โปร่งสบายตาค่ะ

ด้านตรงข้ามโซฟาจะเป็นตำแหน่งวางทีวี จะทำเป็นชั้นวางทีวีเพื่อวางทีวีตัวใหญ่ก็ได้ เพราะระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาสามารถวางขนาดใหญ่แบบนี้ได้ พื้นที่ด้านข้าง และเหนือทีวีก็ยังทำเป็นชั้นวางของหรือเป็นตู้เก็บของได้เช่นกัน ทำให้มีพื้นที่เก็บของในบ้านเพิ่ม

หันกลับไปมองทางเข้าบ้าน จะเห็นระยะห่างระหว่างโซฟาและชั้นวางทีวี เมื่อวางโต๊ะกาแฟตัวเล็กด้านหน้า ก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านใช้งานได้สะดวก

ส่วนถัดไปจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งบ้านตัวอย่างทำเป็นมุมวางโต๊ะทานอาหาร ด้านขวามือคือครัวและห้องน้ำ

จะเห็นว่าพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นกับพื้นที่อเนกประสงค์นั้นมีพื้นที่เหลือเยอะ จะวางโซฟาตัวยาวกว่านี้ หรือจะวางชั้นหนังสือเพื่อแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน พร้อมทั้งยังสามารถวางของ เก็บหนังสือได้อีกด้วย

พื้นที่อเนกประสงค์ จริงๆแล้วก็เป็นมุมทานอาหารแต่เนื่องจากมีพื้นที่กว้าง จึงสามารถแบ่งให้เป็นทั้งมุมทานอาหาร มุมนั่งเล่น หรือจะตั้งโต๊ะทำงานก็ได้ อีกทั้งเป็นส่วนที่มีหน้าต่างรายล้อม จึงดูสบายตา อากาศถ่ายเทได้ดี

โต๊ะทานอาหารสามารถวางสำหรับ 4-6 ที่นั่งได้สบายๆ ด้านหลังจะทำเป็นโซฟานั่งยาวแบบนี้ เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนก็ได้ค่ะ

ติดกันนั้นเป็นประตูเปิดไปยังข้างบ้าน ประตูเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง

พื้นที่ด้านนอกจะมีเฉลียงให้ โดยรอบเป็นสวนซึ่งขนาดสวนด้านข้างก็จะแล้วแต่ขนาดพื้นที่ดินของแต่ละแปลง

ถัดจากมุมอเนกประสงค์ก็จะเป็นครัว ห้องน้ำ ทางขาวสุดที่อยู่ด้านหลังทีวีคือบันไดที่จะขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ

พื้นที่ใช้สอยในครัวหว้างทีเดียวค่ะ ขนาดพอเหมาะสำหรับบ้านที่ชอบทำอาหาร ตรงนี้ถ้ากั้นเป็นครัวปิด และมีเครื่องดูดควัน ก็ไม่จำเป็นต้องต่อเติมครัวไทยหลังบ้าน ในครัวมีหน้าต่างกระจกช่วยถ่ายเทอากาศได้ในระดับหนึ่ง

เคาน์เตอร์วางตัว L แบบนี้ได้ เมื่อวางอ่างล้างจานและเตาไปแล้ว ก็ยังเหลือพื้นที่ให้เตรียมอาหารได้อีกพอสมควร

ด้านข้างมุมนี้ก็เว้นไว้สำหรับวางตู้เย็น

ประตูที่อยู่ติดครัวเป็นประตูเปิดไปยังส่วนหลังบ้าน

พื้นที่ส่วนซักล้างหลังบ้าน เป็นคอนกรีตฉาบเรียบ

ห้องน้ำพื้นจะลดระดับจากพื้นด้านนอกลงไปเล็กน้อย ด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีดำขนาด 30×30 ซม.

ผนังด้านในเป็นกระเบื้องสีขาว มีหน้าต่างกระจกทำให้ห้องน้ำมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาและช่วยถ่ายเทอากาศ

ติดกับประตูทางด้านขวามือเป็นตำแหน่งของอ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard ขอบอ่างมีพื้นที่วางของเล็กน้อย ด้านบนมีผนังเตี้ยทำให้วางของได้มากขึ้น

ด้านบนมีกระจกเงาบานใหญ่ได้แบบนี้ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่แขวนผ้าขนหนู

ส่วนถัดไปเป็นส่วนอาบน้ำ ห้องนี้จะแยกส่วนแห้งและเปียกในระดับหนึ่งด้วยพื้นที่ลดระดับลงไปเล็กน้อย สามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำในภายหลังได้ไม่ยาก ตรงส่วนอาบน้ำจะมีหน้าต่างกระจกซึ่งต้องมีมู่ลี่ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว

ฝักบัว และช่องสำหรับวางของด้านข้าง

ตรงนี้จะเป็นบันไดขึ้นไปชั้นบน โดยมีหน้าต่างกระจกบานยาว และใกล้บันไดจะมีห้องเก็บของใต้บันได

ห้องเก็บของใต้บันไดพื้นเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ ผนังฉาบเรียบทาสีขาว

บันไดลูกนอนไม้ยางประสานสีน้ำตาล

ชานพักเป็นแบบสามเหลี่ยม ไม่มีราวจับให้ตรงบันได เหนือชานพักมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้ส่วนนี้สว่างไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันก็มองเห็นได้ง่าย

ขึ้นมาชั้นบนพื้นเป็นลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน ชั้นนี้มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ

ทุกหลังจะติดตั้งสัญญาณกันขโมยให้ โดยตัวเครื่องจะอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้ด้วยนะคะ

เมื่อขึ้นมาทางด้านขวามือ ส่วนที่ติดกับราวกันตกบันไดจะเป็นห้องนอน 3 พื้นเป็นลามิเนตแบบเดียวกับโถงบันไดปูต่อเนื่องเข้าไปเลย

ภายในห้องจะดูกว้างและสว่างเพราะผนังด้านหนึ่งเป็นผนังหน้าต่างกระจกเต็มบาน ห้องนี้สามารถทำเป็นห้องทำงานเหมือนห้องตัวอย่าง หรือจะทำเป็นห้องนอนก็ได้ค่ะ ถ้าทำเป็นห้องนอนก็วางเตียง 3.5 ฟุต ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงานได้สบาย

มุมโต๊ะทำงานวางเดี่ยวๆแบบนี้ หรือจะวางสองตัวก็ทำได้สบาย ถ้าวางเตียงก็วางได้เช่นกัน

อีกด้านมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ โดยด้านบนเป็นกระจกบานเลื่อน ด้านล่างเป็นหน้าต่างบานปิด มุมนี้วางเป็นชั้นวางของ หรือชั้นวางทีวี

ห้องที่อยู่ติดกันคือห้องนอน 2 พื้นเป็นลามิเนตปูต่อเนื่องเข้าไปเลย

ห้องนี้พื้นที่ใช้สอยจะมากกว่าห้องนอน 3 เล็กน้อย โดยบ้านตัวอย่างได้ทำเป็นห้องนอน จึงได้เห็นพื้นที่การใช้งานเมื่อวางเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน ในห้องมีหน้าต่างกระจกสองมุมทำให้ห้องสว่าง

เตียงสามารถวางขนาด 3.5 ฟุตได้ พื้นที่ข้างเตียงเหลือสำหรับเฟอร์นิเจอร์อื่นและไม่ได้วางเตียงชิดผนัง ดังนั้นสามารถปูผ้าปูที่นอนและทำความสะอาดได้ง่าย

หัวเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ทั้งสองข้าง

ด้านข้างนี้เป็ฯมุมวางตู้เสื้อผ้า ด้านข้างทำเป็นชั้นซึ่งทำให้เป็นที่วางเครื่องสำอางค์แทนโต๊ะเครื่องแป้งได้ ติดกันนั้นก็ติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่แบบนี้เพื่อให้สะดวกเวลาแต่งหน้า แต่งตัว

ปลายเตียงวางชั้นวางของได้ค่ะ

ด้านนี้มีหน้าต่างกระจกให้ โดยหน้าต่างเป็นกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีเทา กระจกเขียวตัดแสง

ห้องถัดไปคือห้องน้ำที่ห้องนอน 2-3 จะใช้ร่วมกัน

ห้องน้ำพื้นจะลดระดับจากพื้นด้านนอกลงไปเล็กน้อย ด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีน้ำตาลเข้มขนาด 30×30 ซม.

ผนังด้านในเป็นกระเบื้องสีขาว และน้ำตาลเข้มในส่วนหลังฝักบัว มีหน้าต่างกระจกทำให้ห้องน้ำมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาช่วยถ่ายเทอากาศ

ด้านขวามือของประตูห้องน้ำเป็นตำแหน่งโถสุขภัณฑ์ของ American Standard พร้อมสายชำระและที่ใส่ทิชชู่

ตรงกับประตูเป็นอ่างล้างหน้าของ American Standard ด้านบนมีผนังเตี้ยทำให้วางของตรงนี้ เหนืออ่างก็มีกระจกเงา ด้านข้างเป็นที่แขวนผ้าขนหนู

มุมนี้เป็นส่วนอาบน้ำ ห้องนี้จะแยกส่วนแห้งและเปียกในระดับหนึ่งด้วยพื้นที่ลดระดับลงไป สามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำในภายหลังได้ไม่ยาก ไฟในห้องน้ำจะได้ตามแบบนี้เลยค่ะ

ฝักบัวที่ชั้นวางของด้านข้าง

ห้องสุดท้ายที่จะพาไปชมคือห้องนอนใหญ่หรือ Master Bedroom เป็นห้องที่อยู่ติดกับบันไดเลย พื้นเป็นลามิเนตแบบเดียวกับโถงบันไดปูต่อเนื่องเข้าไป

ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด เข้ามาจะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน คือแบ่งส่วนพักผ่อน กับห้องน้ำและโซนแต่งตัวอยู่ใกล้กัน ในห้องสว่างมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนและระเบียงส่วนตัว

ด้านนี้เป็นมุมพักผ่อน คือเป็นวางเตียงนอน มุมนี้จะดูสว่างเพราะอยู่ติดกับระเบียงที่มีประตูเป็นกระจก

เตียงสามารถวางขนาด 5-6 ฟุตได้ค่ะ พื้นที่ข้างเตียงเหลือให้เดินผ่านสะดวก

และสามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ทั้งสองฝั่งเลย เหนือโต๊ะหัวเตียงจะมีหน้าต่างกระจกบานเล็กทั้งสองฝั่ง

ปลายเตียงเป็นตำแหน่งวางทีวี ทำเป็นตู้และชั้นวางของได้

ด้านนี้เป็นระเบียงห้อง ประตูเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีเทา กระจกเขียวตัดแสง

พื้นที่ภายนอกระเบียงไม่กว้างนัก แต่ก็เพียงพอให้มายืนรับลม หรือวางเก้าอี้ตัวเล็กสำหรับนั่งเล่นนอกระเบียงตรงนี้ได้

อีกด้านของห้องจะเป็นมุมแต่งตัวและห้องน้ำ

พื้นที่หน้าห้องน้ำทำเป็น Walk in closet วางตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ ตรงกลางวางโต๊ะเครื่องแป้ง

ตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนใหญ่

พื้นจะลดระดับจากพื้นด้านนอกลงไปเล็กน้อย ด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีน้ำตาลอ่อนขนาด 30×30 ซม.

อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard ขอบอ่างมีพื้นที่วางของเล็กน้อย ด้านบนมีผนังเตี้ยทำให้วางของได้มากขึ้น

ด้านบนมีกระจกเงาบานใหญ่ได้แบบนี้ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่แขวนผ้าขนหนู

ส่วนถัดไปเป็นส่วนอาบน้ำ ห้องนี้จะแยกส่วนแห้งและเปียกในระดับหนึ่งด้วยพื้นที่ลดระดับลงไปเล็กน้อย สามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำในภายหลังได้ไม่ยาก ตรงส่วนอาบน้ำจะมีหน้าต่างกระจกซึ่งต้องมีมู่ลี่ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว

ฝักบัว และช่องสำหรับวางของด้านข้าง

Infinity เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 217 ตร.ม. ด้านหน้ามีพื้นที่สวน และสวนรอบบ้าน พื้นที่จอดรถในร่มสำหรับ 2 คัน ชั้นล่างเมื่อเปิดเข้าไปส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งสามารถวางโต๊ะทานอาหารตัวใหญ่ หรือแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับทำงานได้ อยู่ติดกับครัว ครัวเป็นครัวเปิดสามารถกั้นผนังเพื่อเป็นครัวปิดได้เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ขนาดครัวกว้างพอไม่จำเป็นต้องต่อเติมเพิ่มสำหรับบ้านที่ชอบทำอาหาร เพียงแต่ต้องมีเครื่องดูดควันและทำเป็นครัวปิด ด้านหลังจะเป็นพื้นที่ซักล้าง ชั้นนี้มี 2 ห้องนอน โดยบ้านตัวอย่างทำเป็นห้องทำงานและห้องนั่งเล่นค่ะ

ชั้นบนเป็นห้องนอนทั้งหมดมี 3 ห้องนอนโดยห้องนอนใหญ่จะกินพื้นที่ฝั่งหนึ่งของบ้านและมีระเบียงส่วนตัว ทำให้พื้นที่ห้องกว้างขวาง โปร่งสบายเพราะมีหน้าต่างกระจก และประตูระเบียงที่เป็นกระจก ขนาดพื้นที่ห้องกว้างโครงการจึงทำเป็น Walk in closet ให้อยู่หน้าห้องน้ำ ห้องนอน 2-3 มีขนาดใกล้เคียงกัน โดยห้องนอน 2 จะมีพื้นที่มากกว่าเล็กน้อย สำหรับห้องนอนทั้งสองห้องนี้จะใช้ห้องน้ำร่วมกัน ขนาดพื้นที่ภายในสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต และมีพื้นที่เหลือวางเฟอร์นิเจอร์หลักๆส่วนอื่นทั้ง โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง

ตัวบ้านใช้โทนเรียบไม่กี่สี แต่ให้เส้นสายบนผนังพร้อมทั้งเส้นสายจากขอบคาน ขอบเสาเพื่อให้บ้านมีมิติ และเพิ่มสีสันด้วยสีอิฐส้ม ราวกันตกตรงระเบียงและกรอบประตู-หน้าต่างจะเป็นเหล็กสีเทา และจะเห็นว่าตัวบ้านมีหน้าต่างและประตูกระจกบานใหญ่ซึ่งจะทำให้บ้านภายในดูโปร่ง และสว่างเพราะได้แสงธรรมชาติเข้าไปในตัวบ้านค่ะ พื้นที่จอดรถจะสามารถจอดได้ 2 คันค่ะ

บ้านจริงที่ได้ค่ะ หน้าประตูรั้วจะมีทางเดินที่มีสนามหญ้า และไม้พุ่มส่วนนี้เป็นพื้นที่ของโครงการจึงจะมีเจ้าหน้าที่ทำสวนให้ตลอด รั้วบ้านเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนสีเทา ติดกับประตูรั้วรางเลื่อนจะมีช่องสำหรับทิ้งขยะ

พื้นที่จอดรถสำหรับ 2 คัน เป็นที่จอดรถในร่มค่ะ

ติดกับพื้นที่จอดรถจะเป็นประตูทางเข้าบ้าน ด้านหน้ามีเฉลียงยกระดับจากพื้นที่ พื้นเฉลียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้มขนาด 30×30 ซม.

ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีเทา กระจกเขียวตัดแสง พื้นด้านในตัวบ้านจะยกระดับจากพื้นเฉลียง

เมื่อเข้ามาในบ้านจะดูสว่าง กว้างและโปร่ง เนื่องจากหน้าบ้านเป็นประตูกระจกบานใหญ่ และในบ้านยังมีหน้าต่างกระจกหลายจุด เข้าไปในบ้านส่วนแรกที่เจอคือห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่วางโซฟาและทีวีให้เป็นมุมพักผ่อน จากตรงนี้จะเห็นไปถึงหลังบ้านเลยซึ่งก็มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่เช่นกัน

ด้านนี้จะเป็นตำแหน่งวางโซฟา สามารถวางโซฟาชุดหรือ L-Shape แบบนี้ มีพื้นที่ว่างให้วางโต๊ะกาแฟเล็กๆด้านหน้า และมีพื้นที่เหลือด้านข้างวางเป็นโคมไฟ หลังโซฟาจะมีหน้าต่างกระจกทำให้ห้องนั่งเล่นดูกว้าง โปร่งสบายตาค่ะ

ด้านตรงข้ามโซฟาจะเป็นตำแหน่งวางทีวี จะทำเป็นชั้นวางทีวีเพื่อวางทีวีตัวใหญ่ก็ได้ เพราะระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาสามารถวางขนาดใหญ่แบบนี้ได้ พื้นที่ด้านข้าง และเหนือทีวีก็ยังทำเป็นชั้นวางของหรือเป็นตู้เก็บของได้เช่นกัน ทำให้มีพื้นที่เก็บของในบ้านเพิ่ม

หันกลับไปมองทางเข้าบ้าน จะเห็นระยะห่างระหว่างโซฟาและชั้นวางทีวี เมื่อวางโต๊ะกาแฟตัวเล็กด้านหน้า ก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านใช้งานได้สะดวก

ส่วนถัดไปเป็นมุมทานอาหาร ด้านขวามือเป็นห้องนอน 5 ทางซ้ายเป็นทางไปยังห้องครัวและบันได

มุมนี้มีพื้นที่กว้าง สามารถทำเป็นบาร์เล็กๆ และวางโต๊ะทานอาหาร หรือจะวางโต๊ะทำงาน, มุมนั่งเล่น, มุมของเล่นด้านข้างโต๊ะทานอาหารได้

ต๊ะทานอาหารสามารถวางสำหรับ 4-6 ที่นั่งได้สบายๆ

ติดกันนั้นเป็นห้องนอน 5

ห้องนี้เพดานด้านบนจะเป็นช่องแสงให้แสงสามารถเข้ามาได้ ตอนกลางวันก็ไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ ดังนั้นถ้าทำเป็นห้องนอนอาจจะสว่างไปสำหรับตอนเช้าๆ ดังนั้นทำเป็นห้องอ่านหนังสือ ห้องนั่งเล่น ห้องทำงานจะดีกว่า

ทำเป็นมุมนั่งเล่นไว้จิบกาแฟ อ่านหนังสือ

มีชั้นวางของเป็นชั้นวางหนังสือ หรือชั้นวางต้นไม้กระถางเล็กๆก็ทำให้บ้านดูสดชื่น

ด้านนี้เป็นประตูที่เปิดไปยังสวนข้างบ้าน

ด้านนอกจะมีเฉลียงให้ ระดับเฉลียงจะสูงกว่าพื้นสวนด้านนอก ขนาดพื้นที่สวนก็แล้วแต่ขนาดที่ดินของบ้านแต่ละแปลง

ส่วนถัดไปเป็นห้องนอน 4, ห้องน้ำ, ห้องครัว และบันไดที่จะขึ้นไปยังชั้นบน

ห้องแรกที่เจอคือห้องนอน 4 พื้นด้านในจะเป็นลามิเนต

ขนาดห้องพอเหมาะให้วางเตียง 3.5 ฟุตถ้าทำเป็นห้องนอน สำหรับบ้านตัวอย่างทำเป็นห้องสำหรับครอบครัว คือมีโต๊ะทำงานและมุมนั่งเล่น จะทำเป็นห้องดูหนังก็ได้เช่นกันค่ะ

มุมนี้วางโซฟาตัวยาวไว้นั่งเล่น นั่งพักผ่อนได้ หรือถ้าวางเตียงก็วางเป็นเตียงเดี่ยว

มุมนี้ก็วางโต๊ะทำงาน ถ้าเป็นห้องนอนก็เป็นตำแหน่งที่สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้

ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับห้องนอน 4 จะเป็นประตูเปิดไปยังพื้นที่จอดรถหน้าบ้าน

พื้นที่จอดรถหน้าบ้าน มีประตูตรงนี้ก็สะดวกค่ะเพราะถ้าฝนตกหนักๆก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเปียก สามารถเข้าบ้านได้ตรงประตูนี้เลย

ติดกับห้องนอน 4 คือห้องน้ำ พื้นจะลดระดับจากพื้นด้านนอกลงไปเล็กน้อย ด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีดำขนาด 30×30 ซม.

ผนังด้านในเป็นกระเบื้องสีขาว มีหน้าต่างกระจกทำให้ห้องน้ำมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาและช่วยถ่ายเทอากาศ

ติดกับประตูทางด้านซ้ายมือเป็นตำแหน่งของอ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard ขอบอ่างมีพื้นที่วางของเล็กน้อย ด้านบนมีผนังเตี้ยทำให้วางของได้มากขึ้น

ด้านบนมีกระจกเงาบานใหญ่ได้แบบนี้ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่แขวนผ้าขนหนู

ส่วนถัดไปเป็นส่วนอาบน้ำ ห้องนี้จะแยกส่วนแห้งและเปียกในระดับหนึ่งด้วยพื้นที่ลดระดับลงไปเล็กน้อย สามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำในภายหลังได้ไม่ยาก ตรงส่วนอาบน้ำจะมีหน้าต่างกระจกซึ่งต้องมีมู่ลี่ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว

ฝักบัว และช่องสำหรับวางของด้านข้าง

ด้านในสุดจะเป็นห้องครัว พื้นเป็นแกรนิตโต้แบบเดียวกับห้องนั่งเล่น ประตูเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีเทา

ขนาดห้องภายในถือว่าใหญ่แต่วางเคาน์เตอร์ได้ไม่ใหญ่นัก ด้านข้างต้องแบ่งพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น

ขนาดเคาน์เตอร์ที่วางได้เมื่อวางเตา และอ่างล้างจานไปแล้วก็จะเหลือพื้นที่ให้เตรียมอาหารได้เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเหมาะสำหรับบ้านที่ทำอาหารไม่หนัก

จะเห็นว่าระยะห่างจากเคาน์เตอร์ไปยังผนังด้านหลังยังมีพื้นที่กว้างแต่ก็ไม่เพียงพอให้วางชั้น หรือตู้เย็นได้ค่ะ

ในห้องครัวก็จะมีประตูเปิดไปยังพื้นที่หลังบ้าน

ส่วนซักล้างหลังบ้าน พื้นเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ

ตรงนี้จะเป็นบันไดขึ้นไปชั้นบน ใต้บันไดมีพื้นที่สามารถทำเป็นมุมเก็บของ หรือมุมพักผ่อนส่วนตัวเล็กๆสำหรับเด็กๆแบบนี้

ทำเป็นมุมพักผ่อน มุมนั่งเล่นของเด็กๆได้ค่ะ

ชานพักเป็นแบบสี่เหลี่ยม มีราวจับให้ตลอดแนว เหนือชานพักมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้ส่วนนี้สว่างไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันก็มองเห็นได้ง่าย

ขึ้นมาชั้นบนพื้นเป็นลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน ชั้นนี้มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 พื้นที่อเนกประสงค์

ทุกหลังจะติดตั้งสัญญาณกันขโมยให้ โดยตัวเครื่องจะอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้ด้วยนะคะ

ส่วนแรกที่เจอตรงกลางจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ทำเป็นมุมนั่งเล่น นั่งอ่านหนังสือแบบนี้ หรือจะวางเป็นมุมทำงานของเด็กๆ, มุมของเล่นก็ได้ค่ะ

เมื่อขึ้นมาทางด้านซ้ายมือจะเป็นห้องนอน 2-3 ทางด้านซ้ายมือคือห้องนอน 2 ตรงกลางคือห้องนอน 3 ด้านขวามือคือห้องน้ำที่ทั้งสองห้องนี้จะใช้ร่วมกัน

ห้องนอน 2 จะอยู่ติดกับบันได พื้นเป็นลามิเนตแบบเดียวกับโถงบันไดปูต่อเนื่องเข้าไปเลย

ภายในห้องกว้าง มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้ห้องดูสว่างและโปร่ง ถ่ายเทอากาศได้ดี

เตียงสามารถวางขนาด 5-6 ฟุตได้ บ้านตัวอย่างได้วางเตียง 5 ฟุตแต่มีฐานเตียงที่ตั้งขอบขึ้นมาแบบนี้เป็นชั้นวางของ วางโคมไฟ

ปลายเตียงเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า

จะเห็นระยะห่างระหว่างปลายเตียงและตู้เสื้อผ้าว่ามีพื้นที่เหลือพอสมควร สามารถวางโต๊ะทำงาน หรือเก้าอี้ไว้นั่งเล่น นั่งพักผ่อนได้

มุมนี้มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ด้านขวาบนเป็นกระจกบานเลื่อน ที่เหลือจะเป็นหน้าต่างกระจกบานปิด กรอบอลูมิเนียมสีเทา กระจกเขียวตัดแสง

ห้องติดกันนั้นคือห้องนอน 3 พื้นเป็นลามิเนตปูต่อเนื่องเข้าไปเลย

ห้องนี้พื้นที่ใช้สอยจะน้อยกว่าห้องนอน 2 ในห้องมีหน้าต่างกระจกสองมุมทำให้ห้องสว่าง ภายในวางเฟอร์นิเจอร์หลักๆได้ครบครัน และใช้งานได้สะดวกไม่ดูอึดอัดแม้จะมีพื้นที่ใช้สอยน้อยที่สุด

เตียงสามารถวางขนาด 3.5 ฟุตได้ พื้นที่ข้างเตียงเหลือสำหรับเฟอร์นิเจอร์อื่นและไม่ได้วางเตียงชิดผนัง ดังนั้นสามารถปูผ้าปูที่นอนและทำความสะอาดได้ง่าย

หัวเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้

ด้านข้างนี้เป็ฯมุมวางตู้เสื้อผ้า ด้านข้างทำเป็นชั้นซึ่งทำให้เป็นที่วางเครื่องสำอางค์แทนโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานก็แล้วแต่สะดวก

ด้านนี้มีหน้าต่างกระจกบานเปิดเดี่ยว กรอบเป็นอลูมิเนียมสีเทา กระจกเขียวตัดแสง

ปลายเตียงมีระยะห่างจากผนังพอสมควรจะวางเป็นชั้นวางทีวี หรือวางโต๊ะเครื่องแป้งมุมนี้ก็ได้ค่ะ

ห้องถัดไปคือห้องน้ำที่ห้องนอน 2-3 จะใช้ร่วมกัน ห้องน้ำพื้นจะลดระดับจากพื้นด้านนอกลงไปเล็กน้อย ด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีน้ำตาลเข้มขนาด 30×30 ซม.

ผนังด้านในเป็นกระเบื้องสีขาว และน้ำตาลเข้มในส่วนหลังฝักบัว มีหน้าต่างกระจกทำให้ห้องน้ำมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาช่วยถ่ายเทอากาศ

ติดกับประตูทางด้านซ้ายมือเป็นตำแหน่งของอ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard ขอบอ่างมีพื้นที่วางของเล็กน้อย ด้านบนมีผนังเตี้ยทำให้วางของได้มากขึ้น

ด้านบนมีกระจกเงาบานใหญ่ได้แบบนี้ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่แขวนผ้าขนหนู

ส่วนถัดไปเป็นส่วนอาบน้ำ ห้องนี้จะแยกส่วนแห้งและเปียกในระดับหนึ่งด้วยพื้นที่ลดระดับลงไปเล็กน้อย สามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำในภายหลังได้ไม่ยาก ตรงส่วนอาบน้ำจะมีหน้าต่างกระจกซึ่งต้องมีมู่ลี่ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว

ฝักบัว และช่องสำหรับวางของด้านข้าง

ห้องสุดท้ายที่จะพาไปชมคือห้องนอนใหญ่หรือ Master Bedroom เป็นห้องที่อยู่ติดกับบันไดเลย พื้นเป็นลามิเนตแบบเดียวกับโถงบันไดปูต่อเนื่องเข้าไป

ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด เข้ามาจะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน คือแบ่งส่วนพักผ่อน กับห้องน้ำและโซนแต่งตัวอยู่ใกล้กัน ในห้องสว่างมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนและระเบียงส่วนตัว

เตียงสามารถวางขนาด 5-6 ฟุตได้ค่ะ พื้นที่ข้างเตียงเหลือให้เดินผ่านสะดวก

และสามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ทั้งสองฝั่งเลย เหนือโต๊ะหัวเตียงจะมีหน้าต่างกระจกบานเล็กทั้งสองฝั่ง

ปลายเตียงเป็นตำแหน่งวางทีวี ทำเป็นตู้และชั้นวางของได้

ด้านนี้เป็นระเบียงห้อง ประตูเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีเทา กระจกเขียวตัดแสง

พื้นที่ภายนอกระเบียงไม่กว้างนักแต่ยาวตลอดแนวความกว้างห้อง แต่ก็เพียงพอให้มายืนรับลม หรือวางเก้าอี้ตัวเล็กสำหรับนั่งเล่นนอกระเบียงตรงนี้ได้

อีกด้านของห้องจะเป็นมุมแต่งตัว

พื้นที่หน้าห้องน้ำทำเป็น Walk in closet วางตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ และแบ่งเป็นช่องสำหรับโต๊ะเครื่องแป้ง

ตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนใหญ่ พื้นจะลดระดับจากพื้นด้านนอกลงไปเล็กน้อย ด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีน้ำตาลอ่อนขนาด 30×30 ซม.

ผนังด้านในเป็นกระเบื้องสีน้ำตาลอ่อนแบบเดียวกับพื้น แ มีหน้าต่างกระจกทำให้ห้องน้ำมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาช่วยถ่ายเทอากาศ

อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard ขอบอ่างมีพื้นที่วางของเล็กน้อย ด้านบนมีผนังเตี้ยทำให้วางของได้มากขึ้น

ด้านบนมีกระจกเงาบานใหญ่ได้แบบนี้

ส่วนถัดไปเป็นส่วนอาบน้ำ ห้องนี้จะแยกส่วนแห้งและเปียกในระดับหนึ่งด้วยพื้นที่ลดระดับลงไปเล็กน้อย สามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำในภายหลังได้ไม่ยาก ตรงส่วนอาบน้ำจะมีหน้าต่างกระจกซึ่งต้องมีมู่ลี่ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว ฝั่งตรงข้ามกับฝักบัวเป็นที่แขวนผ้าขนหนู

ฝักบัว และช่องสำหรับวางของ

ราคา (พ.ย.60)

• Linear บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม. ขนาดที่ดิน 50.0 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท หรือ 89,800 บาท/ตร.วา
  
• Circle บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 178 ตร.ม. ขนาดที่ดิน 57.0 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 5.29 ล้านบาท หรือ 92,807 บาท/ตร.วา
• Infinity บ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 217 ตร.ม. ขนาดที่ดิน 60.1 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 6.09 ล้านบาท หรือ 101,330 บาท/ตร.วา

จอง 50,000 ทำสัญญา 50,000 บาท

ค่าส่วนกลาง ตร.วา ละ 35 บาท/เดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)

ค่าบริการ Clubhouse ครั้งละ 50 บาท (ไม่รวมกับค่าส่วนกลาง)

สอบถามราคาเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสำนักงานขายเพื่อข้อมูลที่อัพเดตที่สุดค่ะ*

บทสรุปโครงการ

ทำเลที่ตั้งโครงการ – โครงการ Pave รามอินทรา – วงแหวน ตั้งอยู่ในซอยปากซอยเป็นถนนเลียบวงแหวนรอบนอกกาญจนา โดยรอบเป็นย่านพักอาศัย มีร้านค้าและร้านอาหารบ้างประปราย ไม่ไกลจากตลาดน้ำ ตลาดสด ไปยังจุดขึ้น-ลงวงแหวนรอบนอกกาญจนาได้สะดวกทำให้เดินทางเข้า-ออกตัวเมืองกรุงเทพได้ง่าย

ความอุดมสมบูรณ์ – ที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านพักอาศัย โดยรอบที่ตั้งโครงการพอจะมีร้านอาหารตามสั่งให้เห็นบ้าง แต่ถ้าจะสะดวกก็ไปถนนจตุโชติซึ่งเส้นนั้นจะเชื่อมกับถนนสุขาภิบาล 5 เป็นเส้นย่านพักอาศัยที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีตลาดสด, ร้านค้า, ร้านอาหาร, มินิมาร์ท ตรงไปเรื่อยๆก็มีคอมมูนิตี้มอลอย่าง Plearnaly Mall ในนั้นมีร้านค้า และร้านอาหารมากมายให้จับจ่ายใช้สอย

ถนนคู้บอนก็มีความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว เพราะสองข้างทางจะมีร้านค้าและร้านอาหารตลาดทาง ในถนนคู้บอนจะมีทั้งสถานที่ราชการ, สถานีศึกศา อีกทั้งถนนพระยาสุเรนทร์ยังมีทั้ง Lotus รามอินทรา 109 และตลาดสดหลายแห่ง ทั้งตลาดพระยาสุเรนทร์, ตลาดนัดเศรษฐีทรงไชย และตลาดกองหนุน

ความอุดมสมบูรณ์จะอยู่บนเส้นรามอินทรา เส้นนั้นจะมี Makro, Fashion Island, The Promenade ในนั้นก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารให้จับจ่ายใช้สอย สามารถไปเดินเล่นในวันหยุดหรือหลังเลิกงานได้ อีกทั้งยังไม่ไกลจากสวนสยาม ตรงหน้าสวนสยามก็มีร้านค้าและร้านอาหารเช่นกัน

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว – สำหรับคนขับรถ ถือว่าสะดวกทีเดียว ปากซอยอยู่ติดกับทางเลียบวงแหวนรอบนอกกาญจนา ซึ่งเป็นถนนที่ตรงไปยังถนนคู้บอน, รามอินทรา, จตุโชติ ไปยังถนนสุขาภิบาล 5 และสายไหมได้ จากหน้าโครงการถ้าตรงไปทางเหนือมุ่งหน้าไปก็จะเชื่อมกับจตุโชติเส้นนั้นวิ่งเข้าสุขุาภิบาล 5 ไปยังสายไหม ถนนเพิ่มสิน ตรงเข้าไปได้จนถึงถนนพหลโยธิน

ถ้าวิ่งลงทางโต้จะเชื่อมกับถนนคู้บอน และรามอินทรา โดยเส้นรามอินทรานั้นเป็นถนนเส้นหลัก ที่เชื่อมต่อกับเส้นอื่นๆ วิ่งลัดเข้าถนนสวนสยามหรือจากแยกเมืองมีนไปยังถนนเสรีไทย และถนนรามคำแหงได้ไม่ยาก อีกทั้งยังตรงไปฉะเชิงเทรา, ถนนร่มเกล้า หรือวิ่งเข้าเกษตรนวมินทร์จากเส้นนี้ อีกทั้งยังเชื่อมกับถนนกาญจนาและเป็นจุดขึ้น-ลงวงแหวนรอบนอกกาญจนา ทำให้ไปได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ –การเดินทางโดยไม่ใช้รถ หน้าโครงการไม่มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน มีรถแท็กซี่ให้เรียกบ้างเป็นระยะ แต่ถ้าจะสะดวกควรมีเบอร์โทรศูนย์แท็กซี่ หรือแอพลิเคชั่นในมือถือที่สามารถเรียกรถ หรือถ้านั่งรถโดยสารจากเส้นรามอินทราแล้วก็นั่งแท็กซี่ต่อเพื่อเข้าโครงการได้เช่นกัน

การออกแบบโครงการและวัสดุ – การออกแบบสำหรับภายนอกนั้นในเรื่องความสวยงามอาจขอข้ามนะคะ เพราะความชอบไม่เหมือนกัน การออกแบบของโครงการตัวบ้านใช้โทนเรียบ เพิ่มมิติด้วยเฉดสีที่ต่างกันและเส้นสายตามแนวผนัง เสาและคาน ตัวบ้านมีหน้าต่างและประตูกระจกหลายจุดทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวบ้าน

การออกแบบฟังก์ชั่นภายในถือว่าครบครัน พอเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง 3-4 คน พื้นที่นั่งเล่นพอเหมาะให้วางโซฟาชุดหรือ L-shape มีที่วางโต๊ะทานอาหาร ครัวเป็นครัวเปิดสามารถกั้นผนังเพื่อเป็นครัวปิดได้เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ขนาดครัวกว้างพอไม่จำเป็นต้องต่อเติมเพิ่มสำหรับบ้านที่ชอบทำอาหาร เพียงแต่ต้องมีเครื่องดูดควันและทำเป็นครัวปิด ด้านหลังจะเป็นพื้นที่ซักล้าง

และชั้นบนเป็นห้องนอน 3 ห้องและห้องน้ำ 1 ห้อง บางแบบก็จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน สามารถทำเป็นห้องนั่งเล่นได้อีกจุด ห้องนอนใหญ่หรือ Master Bedroom เป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดโดยครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นบน เป็นห้องส่วนด้านหน้าบ้านจึงมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องดูสว่างและโปร่ง สำหรับห้องนอน 2-3 ขนาดใกล้เคียงกัน สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตพร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงาน

วัสดุ – วัสดุถือว่าให้มามาตรฐาน พื้นชั้นล่างเป็นแกรนิตโต้ ชั้น 2 เป็นลามิเนตหนา 8 มม., พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30×30 ซม., กระจกเขียวตัดแสง ,ไฟดาวน์ไลท์และโคมซาลาเปา, กรอบประตูทางเข้าบ้านและหน้าต่างเป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำ ทุกหลังมี Wallpaper และสัญญาณกันขโมยที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับมือถือของเจ้าของบ้าน

สิ่งอำนวยความสะดวก – หน้าโครงการตรงประตูทางเข้า-ออกติดตั้ง CCTV และมีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ภายในโครงการจะมีสวนส่วนกลางที่มีทางเดินในสวน และพื้นที่นั่งเล่น อีกทั้งมี Clubhouse สามารถเข้ามาใช้งานได้ ภายในจะมีทั้งฟิตเนส, สระว่ายน้ำ และพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย ปีนผาจำลองขนาดเล็ก สำหรับ Clubhouseจะมีค่าใช้จ่ายแยกกับค่าส่วนกลาง

คะแนน

สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

Tel : 1749
Website : https://www.scasset.com

หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ

และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ

SC ASSET โชว์สถิติแนวราบ  Sold Out พร้อมกัน  2 โครงการนิวซีรี่ส์ ใหม่ กวาดยอดขายรวม 780 ลบ. โค้งสุดท้ายจัดแคมเปญพิเศษส่งท้ายปีกับบ้านพร้อมอยู่ 15 โครงการ

นายณัฐพงศ์  คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มั่นใจภาพรวมตลาดแนวราบปีนี้มีการเติบโตต่อเนื่อง  จากความสำเร็จและผลตอบรับที่ดี ของการเปิดขายนิวซีรี่ส์ 2 โครงการใหม่ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำสถิติ Sold out อย่างรวดเร็ว และได้รับยอดขายรวม 780 ล้านบาท จากโครงการ เวิร์คเพลส แจ้งวัฒนะ (Work Place Chaengwattana)  โฮมออฟฟิศ จำนวน 26 ยูนิต มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท กับอีกโครงการคือ เดอะ เจนทริ พระราม 9 ( The Gentry Rama 9) วิลล่าหรู 3 ชั้น จำนวน 13 ยูนิต มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท

ดังนั้น ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้จัดแคมเปญล่าสุด  LET’S MOVE IN!! อยู่เลย! ไม่ต้องตกแต่ง พบกับบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมกว่า 15 โครงการ  พร้อมเข้าอยู่ Built-in & Fully Furnished จาก Interior Designer ชั้นนำ ในราคาสุดพิเศษ พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 6 ล้านบาท* ราคาเริ่มต้น 6.9-85 ล้าน  ตั้งแต่วันนี้ – 29 ธ.ค.60 ณ สำนักงานขายโครงการ ทั่วกรุงเทพฯ รายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1749 หรือ www.scasset.com

SC ASSET ยกขบวนบ้านเดี่ยว จัดแคมเปญพิเศษส่งท้ายปี LET’S MOVE IN!! อยู่เลย! ไม่ต้องตกแต่ง พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 6 ล้านบาท วันนี้-29 ธ.ค.60

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญพิเศษส่งท้ายปี LET’S MOVE IN!! อยู่เลย! ไม่ต้องตกแต่ง พบกับบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมกว่า 15 โครงการพร้อมเข้าอยู่ Built-in & Fully Furnished จาก Interior Designer ชั้นนำ ในราคาสุดพิเศษ พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 6 ล้านบาท* ราคาเริ่มต้น 6.9–85 ล้าน  ตั้งแต่วันนี้-29 ธ.ค.60 ณ สำนักงานขายโครงการ ทั่วกรุงเทพฯ รายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1749 หรือ www.scasset.com

EP.971 รีวิวบ้านเดี่ยว และ บ้านแฝด เวนิว พระราม 5-2 Venue Rama 5-2

สวัสดีค่าท่านผู้อ่านชาว Homenayoo ที่น่ารักทุกคน วันนี้เรามีโครงการบ้านเดี่ยวคุณภาพมาฝากกัน นั่นก็คือ โครงการ Venue พระราม 5-2 จาก SC ASSET ตั้งอยู่ถนนสุขาภิบาล 1 ต.บางศรีเมือง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี อยู่ใกล้แหล่ง Shopping ขนาดใหญ่ อาทิ เซ็นทรัลเวสต์เกต, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ และ เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ เดินทางสะดวกเข้าออกได้หลายทางทั้ง ถ.นครอินทร์, ถ.พิบูลสงคราม, ถ.กรุงเทพฯ-นนท์ และ ถ.ราชพฤกษ์

เวนิว พระราม 5-2 มีเนื้อที่โครงการ 20-0-81.2 ไร่ จำนวน 90 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสูง 2 ชั้น กับแบบบ้านสไตล์ Modern Japanese ดีไซน์เรียบง่าย แต่มากด้วยรายละเอียด ฟังก์ชั่นขนาด 3-5 ห้องนอน, 3-5 ห้องน้ำ, 1 ครัวไทย และที่จอดรถ 2-3 คัน พิเศษด้วย Multi-Function Room, Bay Window และ Robi Function ขนาดเริ่มต้นที่ 38.8 ตร.วา คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในปลายปี 2561

สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในโครงการจะเน้นเป็นพิเศษ ทั้ง คลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่, ฟิตเนส, สวนสาธารณะสไตล์ญี่ปุ่น ที่ดีไซน์มาให้เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย รวมถึง ระบบ Magnetic และ Shock Sensor ครบทุกยูนิต, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. แบ่งโซนแขก-โซนพักอาศัยอย่างเป็นส่วนตัว (Double Security System), เข้า-ออกด้วยระบบ Easy Pass และ CCTV 27 จุดทั่วโครงการ ในราคาเริ่มต้นที่ 6 ล้านบาท

โดยรายละเอียดแบบเจาะลึกจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตามอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่า

:::: ที่ตั้งโครงการ ::::

พิกัด : 13.832022, 100.480811

แผนที่จากทางโครงการ

ทำเลที่ตั้ง โครงการ Venue พระราม 5-2 ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 1 เป็นทำเลในโซนพระราม 5 ห่างจากปากทางถ.นครอินทร์ประมาณ 800 เมตร บนถ.สุขาภิบาล 1 จะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในแนวราบ ส่วนมากจะเป็นบ้านจัดสรร และบ้านพักอาศัยส่วนตัวของคนในท้องถิ่นเดิม บรรยากาศภายในค่อนข้างเงียบสงบค่ะ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากสาธารณูปโภคต่างๆ มีทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหาร อยู่ใกล้ในระยะที่สามารถเดินไปได้

โดยทำเลที่ตั้งของโครงการถือว่าได้เปรียบ เพราะสามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ทั้งจาก ถ.นครอินทร์, ถ.ราชพฤกษ์, ถ.พิบูลสงคราม และ ถ.กรุงเทพฯ-นนทบุรี และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สะพานพระราม 5 โดยจากโครงการวิ่งไปขึ้นสะพานพระราม 5 ได้ในระยะประมาณ 2.6 กม. หรือระยะขับรถเพียง 4 นาทีเท่านั้น ใช้วิ่งไปขึ้นทางด่วนศรีรัช หรือเข้าเมืองไปทางรัชดาภิเษกได้ในเวลาสิบกว่านาที นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วง บางซื่อ-บางใหญ่ เข้า-ออกเมืองสะดวกทั้งคนใช้รถและไม่ใช้รถค่ะ

การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางหากดูจากแผนที่ด้านบนถือว่าสะดวกสบายมาก ด้วยถนนเส้นหลักหลายสายด้วยกัน สะดวกทั้งขาเข้าและขาออกเมือง เนื่องจากตัวโครงการอยู่บนถนนสุขาภิบาล 1 จึงสามารถวิ่งเชื่อมต่อเข้าถนนใหญ่ทั้ง ถ.ราชพฤกษ์ และ ถ.นครอินทร์ ได้สะดวก และสามารถเดินทางได้สะดวกในทุกทิศทาง หากขึ้นเหนือใช้ ถ.ราชพฤกษ์ไปบางบัวทอง วิ่งออกรัตนาธิเบศร์ไปบางใหญ่ หรือสะพานพระนั่งเกล้า หากลงใต้มุ่งหน้าไปเพชรเกษมก็ใช้ ถ.ราชพฤกษ์ก็สะดวกเช่นกัน

แต่ก็สามารถวิ่งจากแยกบางสีทอง ออกวงเวียนเทอดพระเกียรติ สู่สะพานพระราม 7 ไปประชาชื่น หรือ ออกสะพานซังฮี้ ไปฝั่งพระนครได้ หรือจะวิ่ง ถ.นครอินทร์ออก ถ.กาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักมุ่งตรงสู่ย่านพระราม 2 และ มหาชัย ก็รวดเร็วค่ะ หากจะเข้าเมืองก็วิ่งขึ้นสะพานพระราม 5 ไปถนนกรุงเทพ-นนทบุรี, ประชาราษฎร์ และ รัชดาภิเษกได้สะดวก ในระยะเวลาสิบกว่านาทีเท่านั้น

อีกทั้งยังมีถนนย่อยลัดเลาะไปได้หลายเส้นทางด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น ถ.บางศรีเมือง, ถ.นนทบุรี 1 และ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ที่วิ่งตัดไปออกถนนกาญจนาภิเษกและรัตนาธิเบศร์ได้ ซึ่งมีประโยชน์เวลาเส้นหลักอย่างถ.ราชพฤกษ์มีการจราจรหนาแน่นนั่นเอง

ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกมากที่สุดค่ะ โดยจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 7.6 เมตร หรือขับรถไปไม่เกิน 15 นาทีก็ถึง โดยวิ่งออกมาทางถ.นครอินทร์ ผ่านทางถ.พิบูลสงคราม วิ่งขึ้นทางด่วนไปได้สะดวก สามารถไปได้ทั้ง พระราม 9 และ บางนาค่ะ ถ้าจะไปทางปากเกร็ด แนะนำให้วิ่งออกมาที่ถ.นครอินทร์แล้วขับไปทางสะพานพระราม 5 เพื่อขึ้นทางพิเศษศรีรัชข้างหน้าแทน

แต่ถ้าจะวิ่งไปทางบางแค, บางใหญ่ หรือพระราม 2 ก็ให้วิ่งเส้นเดียวกันได้เลยค่ะ แต่จะต้องกลับรถอีกทีนึงก่อน

ความอุดมสมบูรณ์ ตัวโครงการตั้งอยู่ในโซนที่พักอาศัยที่เงียบสงบบนถนนสุขาภิบาล 1 ภายในก็จะมีทั้ง 7-Eleven และร้านอาหารอยู่หลากหลายร้าน ซึ่งอยู่ใกล้กับตัวโครงการในระยะที่สามารถเดินไปได้เลย ถ้าจะออกมาที่ถ.นครอินทร์ไปทางสะพานพระราม 5 ไม่ไกลก็จะมีร้านอาหารอีกมากมาย และห้าง Makro ถือว่าสะดวกมากๆ จะซื้อของเข้าบ้านก็ง่ายเลย เนื่องจากถ.นครอินทร์เป็นถนนที่กว้าง มีที่จอดรถข้างทางและมีทางเท้าที่กว้างขวาง ทำให้ย่านนี้เป็นย่านที่มีร้านอาหาร, แผงขายอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้โครงการเยอะมาก

ส่วนห้างใหญ่ๆในย่านนี้ก็จะเป็น HomePro, The Crystal ราชพฤกษ์, The Walk ราชพฤกษ์ และ Home Work ซึ่งเกาะตัวกันอยู่บนถนนราชพฤกษ์ใกล้วงเวียนพระราม 5 ที่ค่อนข้างครบครันและสะดวก นอกจากนี้ที่เส้นรัตนาธิเบศร์ก็มีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กันนะ ทั้ง Central รัตนาธิเบศร์, Esplanade แคราย, Big C ติวานนท์ ที่อยู่ในระยะขับรถไม่เกิน 10 นาทีถึง และห้างใหญ่อย่าง Central Westgate ตรงแยกบางใหญ่อีกแห่งก็ถือว่าโดดเด่นทีเดียว

นอกจากนี้ตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจากท่าน้ำนนท์ ซึ่งเป็นท่าเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา และท่าเรือด่วนเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นโซนที่พูดได้ว่าของกินเพียบ มีร้านอาหารน่าทานเยอะมาก ทั้งส้มตำเจ้าเด็ด, ก๋วยเตี๋ยว, เกาเหลา, เบเกอรี่ ชาวเมืองนนท์ส่วนใหญ่รู้จักกันดีค่ะ โดยสามารถวิ่งจากถ.บางศรีเมืองไปได้เลย

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ บริเวณหน้าโครงการนั้นยังไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่านค่ะ ดังนั้นคนที่เดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลักก็คงต้องใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ และแท็กซี่เป็นหลักนะ แต่ห่างจากโครงการไปในระยะขับรถไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น ก็จะมี รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วง บางใหญ่-บางซื่อ ที่เชื่อมโยงกรุงเทพมหานครและนนทบุรี ให้คนที่ใช้รถสาธารณะสามารถเข้าเมืองได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยสถานีที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุดก็คือ สถานีแยกติวานนท์ สามารถขับรถไปถึงได้ประมาณ 7 นาที (ระยะทางคร่าวๆประมาณ 5.5 กม.) ส่วนที่สถานีแยกนนทบุรีจะมีอาคารจอดรถให้ สามารถขับรถมาจอดเพื่อต่อรถไฟฟ้าได้ค่ะ

รถไฟฟ้าสายสีม่วงสายนี้จะมีแนวทางวิ่งหลักๆอยู่กลางถนน โดยเส้นทางเริ่มจากบริเวณคลองบางไผ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า ถนนวงแหวนรอบนอก (ตะวันตก) กาญจนาภิเษก ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานพระนั่งเกล้า ก่อนถึงสี่แยกแครายจะเลี้ยวขวาไปตามถนนติวานนท์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ถึงบริเวณแยกเตาปูนค่ะ

นอกจากนี้ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว BTS บางหว้า บนเส้นราชพฤกษ์ห่างจากโครงการประมาณ 17 กม. หรือระยะขับรถประมาณ 18 นาที ที่ปกติคนย่านนี้ใช้กันเป็นหลัก และที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าที่สะพานพระราม 5 ยังมีบริการเรือด่วนเจ้าพระยาให้บริการไปยังท่าเรือสาทร โดยท่าเรืออยู่ใต้สะพานพระราม 5 ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ และใกล้อู่ปล่อยรถเมล์ช่วงใต้สะพานพระราม 5 ที่จากโครงการสามารถนั่งวินมอเตอร์ไซค์แถวหน้าโครงการไปขึ้นท่าเรือหรือขึ้นรถเมล์ที่อู่ปล่อยรถได้ง่ายค่ะ

:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::

วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ Venue พระราม 5-2 โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก

ถ.งามวงศ์วาน > แยกแคราย > ถ.ติวานนท์ > ถ.นครอินทร์ > ถ.สุขาภิบาล 1 > โครงการ Venue พระราม 5-2

วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากบนถนนงามวงศ์วานมุ่งหน้าไปทางแครายค่ะ โดยเราจะใช้เวลาเดินทางไปถึงตัวโครงการประมาณ 15 นาที ข้างหน้านี้ให้เราขึ้นสะพานข้ามถ.ประชาชื่นค่ะ

ที่ฝั่งซ้ายมือของเราจะเห็นเดอะมอลล์งามวงศ์วาน

ติดๆกันที่ฝั่งขวาคือพันธุ์ทิพย์พลาซ่าค่ะ

จากนั้นยังให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆไปทางแครายนะ

พอใกล้ถึงแยกแครายแล้วให้เราชิดซ้ายเลย

ให้เราชิดซ้ายเอาไว้ เราจะเลี้ยวเข้าถ.ติวานนท์ตรงแยกแครายข้างหน้านี้ค่ะ

เมื่อวิ่งเข้ามาในเส้นติวานนท์แล้ว เราก็จะขับผ่าน รฟฟ.สายสีม่วงสถานีกระทรวงสาธารณสุข ข้างหน้าเราจะเป็นสะพานข้ามถ.ประชาราษฎร์ ข้ามสะพานไปก็จะเข้าสู่ถ.นครอินทร์ค่ะ ให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ

เมื่อเราเข้าสู่ถ.นครอินทร์แล้ว ให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆไปทางสะพานพระราม 5

ชิดขวาขึ้นสะพานพระราม 5 ไปเลยค่า

พอเราลงมาจากสะพานพระราม 5 แล้วให้เราเตรียมชิดซ้ายออกไปทางถ.บางกรวย-ไทรน้อยนะคะ

ให้เราชิดซ้ายออกทางคู่ขนานค่ะ ฝั่งซ้ายมือของเราจะเห็น Tesco Lotus สาขานครอินทร์

เมื่อเราเข้าทางคู่ขนานมาแล้วให้เราชิดขวาเอาไว้เพื่อกลับรถใต้สะพาน

ตรงไปข้างหน้าก็คือแยกบางสีทองนั่นเอง แต่ให้เรากลับรถใต้สะพานตรงนี้นะคะ

พอเรากลับรถใต้สะพานแล้วให้รีบชิดซ้ายเลี้ยวเข้าถ.สุขาภิบาล 1 เลยนะ จะค่อนข้างกระชั้นนิดนึงค่ะ ต้องเตรียมตัวดีๆ

จากถ.นครอินทร์วิ่งตรงตามถ.สุขาภิบาล 1 ไปเพียง 800 เมตรเท่านั้น เราก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ทางด้านขวามือของเราแล้วค่ะ

เข้ามาภายในถ.สุขาภิบาล 1 จะเป็นแหล่งบ้านพักอาศัย ก็จะมีพวกอพาร์ทเม้นท์หรือหอพักบ้างประปรายบริเวณช่วงต้นๆซอยค่ะ ที่เหลือก็จะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัว, โครงการบ้านจัดสรร รวมถึงร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ พอเข้ามาในซอยประมาณ 200 เมตร ก็จะมี 7-Eleven อยู่ 1 สาขา เป็นสาขาที่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุด

เลยจาก 7-Eleven เข้ามาอีก 600 เมตร หรือเข้ามาจากหน้าปากซอยประมาณ 800 เมตร เราก็จะเห็นตัวโครงการของเราอยู่ทางด้านขวามือแล้วค่า

ภาพซุ้มทางเข้าโครงการแบบชัดๆ

สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ

• ถ.นครอินทร์ : 800 ม.
• ถ.บางศรีเมือง : 1.2 กม.
• ถ.ราชพฤกษ์-นนทบุรี : 2.1 กม.
• ถ.บางกรวย-ไทรน้อย : 2.5 กม.
• ถ.ติวานนท์ : 3.3 กม.
• ถ.ราชพฤกษ์ : 5.3 กม.
• ถ.รัตนาธิเบศร์ : 7.0 กม.
• ถ.งามวงศ์วาน : 7.1 กม.

สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ

ห้างสรรพสินค้า

• Tesco Lotus นครอินทร์ : 1.0 กม.
• ตลาดบางศรีเมือง : 1.2 กม.
• Makro นนทบุรี : 1.4 กม.
• ตลาดนัดศิริมงคล : 2.0 กม.
• Big C ติวานนท์ : 5.2 กม.
• The Walk ราชพฤกษ์ : 8.0 กม.
• Central รัตนาธิเบศร์ : 9.0 กม.
• Esplanade แคราย : 9.4 กม.
• Home Work ราชพฤกษ์ : 11.1 กม.
• ตลาดพระราม 5 : 11.1 กม.
• The Crystal SB ราชพฤกษ์ : 12.0 กม.
• Central Westgate : 14.9 กม.
• เมเจอร์ปิ่นเกล้า : 15.0 กม.

สถานศึกษา

• ร.ร.สตรีนนทบุรี : 5.0 กม.
• ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการนนทบุรี : 5.8 กม.
• ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ : 5.9 กม.
• ร.ร.บดินทรเดชานนทบุรี : 7.0 กม.
• ร.ร.อนุบาลเด่นหล้า : 10.7 กม.

ศูนย์การแพทย์

• ร.พ.วัดเฉลิมพระเกียรติ : 1.3 กม.
• ร.พ.ศรีธัญญา : 6.7 กม.
• ร.พ.บางกรวย : 7.9 กม.
• ร.พ.เกษมราษฎร์ : 8.8 กม.
• ร.พ.ยันฮี : 8.8 กม.
• ร.พ.นนทเวช : 9.5 กม.
• ร.พ.บางใหญ่ : 11.1 กม.

สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ

• กระทรวงสาธารณสุข : 7.9 กม.

:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::

สภาพแวดล้อมภายในถ.สุขาภิบาล 1 จะเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมดค่ะ ภายในมีทั้งบ้านพักอาศัย, โครงการบ้านจัดสรร, อพาร์ทเม้นท์ และ หอพัก รวมถึงร้านอาหาร และ ร้านสะดวกซื้อ ทิศเหนือ ติดกับ ที่ดินเปล่า ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่า และ บ้านพักอาศัย ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่า และ คลองบางสีทอง และ ทิศตะวันตก ติดกับ ถ.สุขาภิบาล 1

เดี๋ยวเราจะเดินสำรวจบริเวณโดยรอบตัวโครงการด้วยกันนะคะ มาเริ่มกันที่หน้าซุ้มทางเข้าโครงการกันเลย

ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการก็จะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวค่ะ เปิดเป็นเพิงร้านอาหารตามสั่งเล็กๆหน้าบ้าน

เดี๋ยวเราจะเดินไปสำรวจบริเวณทางฝั่งขวามือ มุ่งหน้าไปทางถ.บางศรีเมืองกันก่อนนะ

ตรงข้ามกับตัวโครงการเราก็จะเห็นเพิงร้านขายก๋วยเตี๋ยวเล็กๆค่ะ

ส่วนที่ติดกับหน้าทางเข้าโครงการเป็นบ้านพักอาศัย

ใกล้ๆกันที่ฝั่งตรงข้าม เราจะเห็นโครงการ Supalai Primo ค่ะ เป็นโครงการทาวน์โฮมสูง 2 ชั้น

ตรงที่เป็นอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านซักรีด

ซึ่งจะอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านรุ่งโรจน์พอดีค่ะ

เดินเลยไปอีกเจอ หมู่บ้านสุชาวาลัย เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น

บางช่วงของถนนเส้นนี้เราก็จะเจอพวกร้านขายของชำ, ร้านอาหาร หรือร้านขายน้ำปั่นร้านเล็กๆแบบนี้ค่ะ

กลับมาที่บริเวณหน้าโครงการ เราจะเดินออกไปทางซ้ายมือ มุ่งหน้าไปถ.นครอินทร์

ติดกับทางเข้าโครงการก็คืออาคารพาณิชย์ 2 คูหาสูง 3 ชั้น

ติดๆกันเป็นบ้านพักอาศัยค่ะ

ที่ฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นโครงการ My Isara เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้นเช่นกัน

และโครงการ JW Casa

มีร้านขายข้าวแกงและก๋วยจั๊บญวณด้วยนะ ทานง่ายๆ สะดวกและเร็วดี

เดินเลยไปอีกหน่อยเราจะเจอร้านอาหารบ้านส้มตำค่ะ ขายอาหารไทย ร้านนี้มีหลายสาขาเลยนะ

:::: ตัวโครงการ ::::

โครงการ Venue พระราม 5-2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด สูง 2 ชั้น จำนวน 90 ยูนิต บนที่ดิน 20-0-81.2 ไร่ สไตล์ Modern Japanese ที่เรียบง่าย แต่มากด้วยรายละเอียด เน้นการเข้าถึงธรรมชาติ สงบและร่มรื่นตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น ก่อนที่จะพาเข้าไปดูภาพภายในโครงการจะขออธิบายผังโครงการคร่าวๆ เพื่อความเข้าใจกันก่อนนะคะ

ทางโครงการจะใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Double Security System แบ่งโซน Visitor และ Resident เพื่อความเป็นส่วนตัว โดยจุดแรกก็คือซุ้มทางเข้า-ออกของโครงการ จากถนนสุขาภิบาล 1 ซึ่งในส่วนนี้จะเป็น Main Gate ประกอบด้วย ป้อมยาม, ระบบ Easy Pass, กล้อง CCTV และ Gate ชั้นแรก เมื่อผ่านเข้ามาภายในตัวโครงการ จะเป็นโซน Visitor ค่ะ ตรงนี้วางผังด้วยถนนเมนกว้าง 12 เมตร

เมื่อเข้ามาภายในตัวโครงการแล้ว สำนักงานขายจะอยู่ทางซ้ายมือเลย ซึ่งก็คือ Clubhouse ของโครงการนั่นเอง เนื่องจากโครงการเป็นโครงการขนาดเล็ก ลูกบ้านทุกหลังจึงสามารถเดินไปใช้งานได้สะดวก ไม่เสียเปรียบลูกบ้านหลังหน้าๆ ที่อยู่ใกล้กับตัว Clubhouse มากกว่า จากโซน Visitor เราจะต้องผ่าน Gate ชั้นที่ 2 เพื่อเข้าสู่โซน Resident เมื่อเข้าไปถึงเราก็จะเจอสวนสาธารณะอยู่ตรงกลางเลยค่ะ จากถนนเมนจะตัดขวางด้วยถนนขนาด 10 เมตร และแตกเป็นซอยย่อยด้วยถนนขนาด 9 เมตรเพื่อเข้าสู่บ้านทุกหลัง

ความพิเศษของการวางผังโครงการนี้ก็คือ เป็นโครงการขนาดเล็ก มีจำนวนยูนิตน้อย จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง และไม่แออัดอีกด้วย อีกทั้งยังวางหน้าบ้านไปในแกนทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ตัวบ้านไม่ร้อน และสามารถรับลมได้ตลอดทั้งปีค่ะ

:::: แบบบ้านของโครงการ ::::

แบบบ้านของโครงการจะเป็นสไตล์ Modern Japanese โดยบ้านจะถูกออกแบบให้ดูเรียบง่าย แต่ใส่ใจกับเรื่องของรายละเอียด เน้นความโปร่งโล่ง และความเป็นสัดเป็นส่วนของฟังก์ชั่นภายในบ้าน อีกทั้งยังเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษ อย่าง Robi Function เป็นเฉลียงหน้าบ้านที่อยู่ภายใน Semi-Private Zone, Bay Window, Multi-Function Room พร้อมวัสดุคุณภาพดี ติดระบบสัญญาณกันขโมยให้ทุกหลัง ทั้ง Magnetic System และ Shock Sensor ส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยัง Security Center และ Smartphone ของเจ้าของบ้านตลอด 24 ชม. ตอนนี้มีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบด้วยกันดังนี้ค่ะ

• แบบบ้าน KAISHI บ้านแฝด ขนาด 149 ตร.ม. มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และ 2 ที่จอดรถ
• แบบบ้าน KANZEN บ้านเดี่ยว ขนาด 214 ตร.ม. มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ และ 2 ที่จอดรถ
• แบบบ้าน ZENBI บ้านเดี่ยว ขนาด 232 ตร.ม. มี 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ส่วนพักผ่อนชั้น 2 และ 2 ที่จอดรถ
• แบบบ้าน TAKUETSU บ้านเดี่ยว ขนาด 349 ตร.ม. มี 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ส่วนพักผ่อนชั้น 2 และ 3 ที่จอดรถ

::: แบบบ้าน KAISHI ขนาด 149 ตร.ม. :::

ทัศนียภาพจำลอง

แปลนบ้านชั้นที่ 1 ประกอบด้วย

• ลานจอดรถ
• ห้องนั่งเล่น
• ห้องรับประทานอาหาร
• ห้องนั่งเล่น 2
• ห้องน้ำชั้นล่าง
• ห้องครัว และ ครัวไทย
• ลานซักล้าง
• ห้องเก็บของ

แปลนชั้นที่ 2 ประกอบด้วย

• โถงบันได
• ห้องนอน 1 (Master Bedroom) พร้อมห้องน้ำในตัว
• ห้องน้ำชั้นบน
• ห้องนอน 2
• ห้องนอน 3

::: แบบบ้าน KANZEN ขนาด 214 ตร.ม. :::

ทัศนียภาพจำลอง

แปลนบ้านชั้นที่ 1 ประกอบด้วย

• ลานจอดรถ
• ห้องนั่งเล่น
• ห้องรับประทานอาหาร
• ห้องอเนกประสงค์
• ห้องน้ำชั้นล่าง
• ห้องเก็บของ
• ห้องครัว และ ครัวไทย
• ลานซักล้าง

แปลนชั้นที่ 2 ประกอบด้วย

• โถงบันได
• ห้องพักผ่อนครอบครัว
• ห้องนอน 1 (Master Bedroom) พร้อมห้องน้ำในตัว
• ห้องน้ำชั้นบน
• ห้องนอน 2
• ห้องนอน 3

::: แบบบ้าน ZENBI ขนาด 232 ตร.ม. :::

ทัศนียภาพจำลอง

แปลนบ้านชั้นที่ 1 ประกอบด้วย

• ลานจอดรถ
• ห้องนั่งเล่น
• ห้องรับประทานอาหาร
• ห้องนอน 4
• ห้องน้ำชั้นล่าง
• ห้องเก็บของ
• ส่วนซักรีด และ ห้องครัว
• ลานซักล้าง

แปลนชั้นที่ 2 ประกอบด้วย

• โถงบันได
• ห้องพักผ่อนครอบครัว
• ห้องนอน 1 (Master Bedroom) พร้อมห้องน้ำในตัว
• ห้องน้ำชั้นบน
• ห้องนอน 2
• ห้องนอน 3

::: แบบบ้าน TAKUETSU ขนาด 349 ตร.ม. :::

ทัศนียภาพจำลอง

แปลนบ้านชั้นที่ 1 ประกอบด้วย

• ลานจอดรถ
• ห้องนั่งเล่น
• ห้องรับประทานอาหาร
• ห้องนอน 4 พร้อมห้องน้ำในตัว
• ห้องนอน 5
• ห้องน้ำชั้นล่าง
• ห้องเก็บของ
• ห้องครัว
• ลานซักล้าง
• ห้องแม่บ้าน

แปลนชั้นที่ 2 ประกอบด้วย

• โถงบันได
• ห้องพักผ่อนครอบครัว
• ห้องนอน 1 (Master Bedroom) พร้อมห้องน้ำในตัว
• ห้องนอน 2 พร้อมห้องน้ำในตัว
• ห้องนอน 3 พร้อมห้องน้ำในตัว

:::: บริเวณภายในโครงการ ::::

::: ทางเข้าโครงการ :::

เดี๋ยวเราจะเข้าไปสำรวจภายในโครงการด้วยกันนะคะ

ป้ายหน้าทางเข้าโครงการขนาดใหญ่ เห็นชัดแต่ไกลเลย

มาดูซุ้มทางเข้าโครงการกันเลยค่ะ ดีไซน์ตัวซุ้มเป็นสไตล์ Modern Japanese ดูอบอุ่นด้วยวัสดุสีใกล้เคียงไม้ไผ่ และตัดขอบด้วยสีดำ

การเข้า-ออกตัวโครงการจะต้องผ่านรปภ.ประกอบด้วย ป้อมยาม, ระบบ Easy Pass, กล้อง CCTV และ Gate ชั้นที่ 1 ตรงนี้ก็คือ Main Security ค่ะ

ที่ด้านข้างป้อมยามจะติดกล้อง CCTV และตัวเซ็นเซอร์ Key Card ฝั่งซ้ายจะแบ่งช่องจราจรสำหรับให้คนเดินเข้าได้ พร้อมประตูรั้วบานเล็กๆ

กล้อง CCTV และตัวเซ็นเซอร์ Key Card ค่ะ

มุมมองย้อนกลับไปที่ซุ้มทางเข้าโครงการ

::: บริเวณภายในโครงการ :::

เมื่อผ่าน Main Security เข้าโครงการเข้ามาแล้วจะเป็นโซนของ Visitor ก่อนค่ะ เข้ามาเจอถนนเมนกว้าง 12 เมตร ตรงเข้าไป ฝั่งซ้าย-ขวาปลูกต้นไม้เอาไว้อย่างร่มรื่น

ตรงเข้าไปเรื่อยๆ เราจะเห็น Double Security เพื่อเข้าสู่โซน Resident

ภายในโซน Visitor เรามองไปทางซ้ายมือ จะเป็น Clubhouse ของโครงการ ซึ่งตอนนี้ก็ถูกใช้เป็นสำนักงานขายด้วย

ส่วนที่ฝั่งขวามือไล่เข้าไปจะเป็นบ้านตัวอย่างค่ะ

หน้าตาบ้านแฝด KAISHI ขนาด 149 ตร.ม.

บ้านเดี่ยว KANZEN ขนาด 214 ตร.ม.

บ้านเดี่ยว ZENBI ขนาด 232 ตร.ม.

ตรงเข้าไปจนถึง Double Security จะเป็นระบบ Easy Pass ค่ะ เฉพาะลูกบ้านที่ถือ Key Card เท่านั้นที่จะสามารถผ่าน Gate เข้าไปในโซน Resident ได้ ถ้าเป็น Visitor พี่รปภ.จะต้องตรวจความปลอดภัยอีกชั้นนึงก่อนนะ

พอเข้ามาในโซน Resident จะเป็นถนนเมนยาวไปจนสุดไซท์ แล้วตัดด้วยถนนซอยเพื่อเข้าสู่ตัวบ้าน

มุมมองไปทางฝั่งขวา จะเป็นถนนส่วนที่ติดกับสวนสาธารณะ

สวนสาธารณะของโครงการค่ะ ในรายละเอียดจะอยู่ในหัวข้อถัดไปนะ

มุมมองไปทางฝั่งซ้าย

ตรงหัวมุมจะเป็นแบบบ้านเดี่ยว TAKUETSU ขนาด 349 ตร.ม. มีเพียง 3 หลังเท่านั้นนะคะ ต้องรีบจองกันหน่อยแล้ว

เราเข้าไปดูบรรยากาศภายในซอยบ้านกันค่ะ โดยข้างถนนก็จะจัดสวน ลงต้นไม้ใหญ่ สร้างบรรยากาศอันร่มรื่น

ดูการจัดวางผังโครงการ จะเห็นเลยว่าดูสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ และไม่แออัดเลย

:::: พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ::::

จากเมื่อสักครู่เราได้เดินชมพื้นที่ภายในโครงการกันแล้ว เดี๋ยวเราจะมาดู คลับเฮ้าส์ และ สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการกันต่อเลยค่ะ

::: คลับเฮ้าส์ :::

เริ่มต้นจากคลับเฮ้าส์กันก่อนเลยค่ะ เป็นอาคารสูง 2 ชั้น ออกแบบมาในสไตล์ Modern Japanese ดูเรียบง่าย สวยงาม และยังมากด้วยดีเทลอีกด้วย ด้านหน้ามีที่จอดรถให้ 3 คัน

เดินเข้าไปสำรวจด้านในกันเลยค่ะ

เดินเข้ามาด่านแรกจะเจอ Sale Office ซึ่งในอนาคตภายหลังการขายก็จะถูกใช้เป็น Lobby ค่ะ ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ซึ่งจะคอยช่วยเหลือให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโครงการ

บรรยากาศภายในทำออกมาได้ดูโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานสูง ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ทว่าโออ่าและสวยงาม

ภายในได้จัดวางชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งพักผ่อนอยู่หลายชุด รวมถึงโซฟานั่งสบายๆ

ออกมาจาก Sale Office เราเดินออกไปตามทางเดินค่ะ

เดินตามทางเดินไป ฝั่งซ้ายมือก็คือสระว่ายน้ำ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำและบันไดขึ้นชั้น 2

ห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้ค่ะ เราเข้าไปดูข้างในกันเลย

เข้าไปภายในห้องน้ำ ส่วนแรกจะเจอตู้ล็อคเกอร์อยู่หน้าห้อง

ถัดเข้าไปจะเป็นส่วนของอ่างล้างมือและห้องน้ำ

บริเวณอ่างล้างมือ มี 3 อ่าง

อีกฝั่งเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำ

ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ

ส่วนห้องน้ำแบบ Unisex ก็มีแยกเอาไว้ให้นะ

ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง รถเข็นสามารถเข้าไปได้สะดวก ภายในมีราวจับและอุปกรณ์เสริมต่างๆให้เรียบร้อยค่ะ

เราเดินมาดูในส่วนของสระว่ายน้ำกันต่อค่ะ ส่วนนี้จะเป็น Pool Deck ข้างๆมี Shower ให้อาบน้ำล้างตัวก่อนลงสระ

ในส่วนของ Shower ค่ะ มีอยู่จุดเดียว

สระว่ายน้ำของโครงการจะเป็นสระระบบเกลือ ขนาด 5 x 19 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายได้อย่างสบายๆ

บันไดทางลงจะอยู่ภายในสระเลยค่ะ มีการแยกสระเด็กเอาไว้ให้เรียบร้อย

บริเวณ Pool Deck เตรียม Day Bed เอาไว้ให้ 3 ตัว

Day Bed ค่ะ ตัวเบาะทางโครงการก็คอยทำความสะอาดให้ และเก็บเวลาที่ฝนตก

จากนั้นเราขึ้นมาที่ชั้น 2 กันต่อค่ะ ซึ่งก็คือห้องฟิตเนส

ภายในห้องฟิตเนสมีขนาดกว้างขวาง มีอุปกรณ์และเครื่องเล่นมาให้อย่างครบครัน

ฝั่งริมหน้าต่างจะเป็นเครื่องเล่นแบบ Cardio มีทั้งลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี และจักรยานไฟฟ้าค่ะ

ส่วนอีกฝั่งติดกระจกเงา จะเป็นเครื่องเล่นแบบ Weight Training

มีชุดดัมเบล พร้อมม้านั่งราบ

และเครื่องเล่นชนิดอื่นๆ สามารถเล่นได้ครบสัดส่วน

::: สวนสาธารณะ :::

มาดูสวนสาธารณะของโครงการกันต่อค่ะ ซึ่งก็จะจัดเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ภายในสวนจะออกแบบพื้นที่มาให้เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยอีกด้วย

ทางเดินเข้าสวนทำเป็นหลังคาสไตล์ศาลาแบบญี่ปุ่น

เข้ามาภายในสวนจะปูด้วยพื้นหญ้าทั้งหมด และปูแผ่นทางเดินเชื่อมไปยังส่วนต่างๆ การออกแบบสวนได้ถูกปรับมาจากสวนหินอีกทีนึงค่ะ โดยทำให้ดูทันสมัย แหละเหมาะสมกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น

ที่นั่งทรงหินก็ดูสวยดีนะคะ โดยจัดให้อยู่ทั่วสวนเลย

ทางเนินขึ้นไปทำเป็นลานกิจกรรมค่ะ แล้วก็จะมีสไลเดอร์ลงไปสู่สนามเด็กเล่น

บริเวณสนามเด็กเล่น

ภายในทำเป็นกระบะทรายค่ะ ปลอดภัยสำหรับเด็ก ตรงกลางมีเครื่องเล่นให้สามารถปีนป่ายได้

มุมนึงข้างสนามเด็กเล่น ทำเป็นศาลานั่งพักผ่อน

มุมมองออกมาจากทางศาลา

อีกฝั่งนึงของสวนจัดเป็นลานสวนหิน ล้อมรอบด้วยทิวต้นไผ่ จัดให้ดูสงบ เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนเงียบๆ ทั้งผู้ใหญ่และคนชราก็สามารถมานั่งเล่นในโซนนี้ได้

โดยรอบสวนทำเป็นที่นั่งทั้งหมด จะเลือกนั่งมุมไหนก็ได้

อีกมุมหนึ่งภายในสวนหินค่ะ

:::: บ้านตัวอย่าง ::::

วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo จะพาท่านผู้อ่านของเราไปชมบ้านตัวอย่าง 2 หลังด้วยกัน ลำดับเป็นแบบบ้านแฝด KAISHI ขนาด 149 ตร.ม. และตามด้วยแบบบ้านเดี่ยว ZENBI ขนาด 232 ตร.ม. ไปชมกันเลยค่า

::: แบบบ้านแฝด KAISHI ขนาด 149 ตร.ม. :::

รั้วบ้าน และโรงจอดรถ บ้านมาตรฐาน

เริ่มต้นจากแบบบ้านแฝด KAISHI ขนาด 149 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำกันค่ะ เป็นบ้านขนาดเล็กที่สุด ตัวบ้านใช้โทนสีขาว-ครีม-น้ำตาล ดีไซน์ดูเรียบๆแต่ลงตัว มี Gimmick เป็น Texture แบบต่างๆ แบบบ้านจะถูกออกแบบมาให้มีช่องประตู-หน้าต่างที่กว้างขวางขึ้นกว่าแบบบ้านรุ่นก่อนๆด้วยนะ นี่ก็คือแบบบ้านมาตรฐานที่ใช้ส่งมอบของโครงการค่ะ

ในส่วนของรั้วบ้าน จะเป็นบานเลื่อน 2 ตอน สามารถเปิด-ปิดได้แบบนี้

ที่รั้วบ้านจะติดเลขที่บ้าน, กริ่งออด และ ไฟกิ่งมาให้แบบนี้เลยค่ะ

อีกทั้งที่รั้วบ้านก็จะมีช่องเก็บขยะเอาไว้ให้ เป็นจุดที่ทำให้ลูกบ้านสะดวกมากขึ้น โดยลูกบ้านจะสามารถทิ้งขยะได้จากภายในตัวบ้านได้เลย ทางส่วนกลางของโครงการจะมาเก็บขยะไปจากช่องด้านหน้ารั้วเอง

มาดูในส่วนของโรงจอดรถกันก่อน ภายในโรงจอดรถจะสามารถจอดรถได้ 2 คัน โครงสร้างเป็นเสาเข็ม-คอนกรีตเสริมเหล็ก ลงเข็มแบบ On Beam ให้เพื่อกันทรุด และเทพื้นซีเมนต์ขับเรียบ

ที่ฝ้าเพดานเป็นฝ้าแผ่นเรียบไฟเบอร์ซีเมนต์ ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้

จากโรงจอดรถไปยังเฉลียงทางเข้าบ้าน จะทำเป็นทางเดิน เพื่อต่อไปยังสวนข้างบ้านด้วย

ทางโครงการก็จะลงต้นไม้ในสวนเอาไว้ให้บ้างแล้วนะคะ พร้อมปูหญ้าให้เรียบร้อย

ทางข้างบ้านก็จะสามารถเดินเชื่อมต่อไปถึงลานซักล้างหลังบ้านได้เลย

กลับมาที่บริเวณเฉลียงทางเข้าบ้านกันค่ะ จะทำเป็น 2 สเต็ปสูงขั้นละประมาณ 10-15 ซม. พื้นเฉลียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ที่ฝ้าติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง

แบบบ้านตัวอย่าง

จากนั้นเราเข้าไปดูภายในบ้านตัวอย่างกันต่อเลยค่ะ ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียมแบบ 3 ตอน สามารถเปิดหน้าบ้านและรับลมได้กว้างมากขึ้น

มือจับประตูค่ะ มีขนาดใหญ่จับถนัดมือทั้งภายนอกและภายใน

พร้อมตัวล็อคท้ายบานแบบก้นหอย

เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วจะเจอห้องนั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปคือห้องรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นส่วนตัวอีกห้อง พื้นบ้านจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. จะปูยาวเข้าไปถึงในห้องครัว ผนังจะเป็นผนังติดวอลเปเปอร์เก็บขอบด้วยบัวผนังเรียบร้อย แปลนบ้านจะเป็นแบบ Open Plan เชื่อมพื้นที่แต่ละฟังก์ชั่นเข้าด้วยกันทั้งหมดทำให้ภายในบ้านดูโปร่งโล่ง

ตัวบ้านของโครงการทั้งหมดจะก่อด้วยอิฐมวลเบาทั้งหลัง ซึ่งคุณสมบัติของอิฐมวลบวลอย่างนึงก็คือเป็นฉนวนกันความร้อนและกันเสียงได้ดี หากในอนาคตลูกบ้านต้องการต่อเติมหรือปรับปรุงบ้านก็สามารถทำได้ง่ายค่ะ

ที่ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบทั้งหลัง ส่วนดวงโคมที่ใช้จะเป็นดวงโคมดาวน์ไลท์ทั้งหมด

มาดูการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านกันต่อค่ะ จะได้มองภาพออกว่ากับขนาดพื้นที่ประมาณนี้ เราสามารถทำอะไรได้บ้าง

ทางบ้านตัวอย่างได้จัดวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้ให้ พร้อมโต๊ะกาแฟ แต่จริงๆ แล้วจะวางเป็นโซฟารูปตัว L ก็มีที่เหลือพอ ข้างๆ ยังมีที่สำหรับวางโต๊ะตัวเล็กๆ ได้ทั้ง 2 ข้างเลย ผนังด้านหลังโซฟาจะเห็นว่ามีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ช่วยทำให้ตัวบ้านรับลมและถ่ายเทอากาศได้ดียิ่งขึ้น

ฝั่งชั้นวางทีวีผนังจะเว้าเข้ามาเพราะด้านนอกเป็นที่จอดรถ ผนังมีความกว้างพอสมควรเลย ทำให้เราได้ที่วาง Built-in ตู้วางทีวีพร้อมช่องเก็บของได้สบายๆ

ระยะดูทีวีนี่เหลือประมาณ 2.5 เมตรเลยนะ ดูทีวีขนาด 60 นิ้วจะกำลังดีเลยค่ะ

มุมมองจากห้องนั่งเล่นไปที่ห้องรับประทานอาหาร และบริเวณโถงบันได

มาดูในส่วนของห้องรับประทานอาหารกันต่อ พื้นที่จะกำลังพอดีกับโต๊ะขนาด 4 ที่นั่ง

จะหมุนทิศโต๊ะก็ทำได้นะคะ ลงตัวเหมือนกัน

ขนาดพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร

จากห้องทานอาหาร เราเข้าไปดูห้องนั่งเล่นด้านในกันต่อ โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ โดยทางโครงการจะไม่ได้กั้นประตูและผนังมาให้แบบนี้นะ

ภายในห้องนั่งเล่นนี้ เราสามารถจัดได้ตามใจเราเหมือนเป็นห้องอเนกประสงค์เลยค่ะ จะใช้เป็นห้องทำงานก็ได้ หรือจะจัด Day Bed เอาไว้นอนพักผ่อนช่วงบ่ายๆ หรือจะจัดเป็นห้องนอนเพิ่มอีกห้องนึงเลยก็ยังได้ค่ะ เพราะพื้นที่ห้องกว้างขวางพอ

ขนาด Day Bed ที่ใช้วางใหญ่ประมาณ 3 ฟุต

มุมทำงานภายในห้อง

ออกมาจากห้องนั่งเล่น เดินผ่านโถงบันไดเข้าไปจะเป็นส่วนของห้องน้ำชั้นล่างและห้องครัวค่ะ

เราจะเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันก่อน

โดยพื้นห้องน้ำจะลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.

ภายในห้องน้ำปูกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.แบบผิวด้านกันลื่น กรุผนังด้วยกระเบื้องขนาดขนาด 20 x 30 ซม. พร้อมกระเบื้องตกแต่ง สุขภัณฑ์ภายในจะใช้ของ American Standard ทั้งหมด ห้องน้ำนี้ถูกจัดเอาไว้สำหรับรับรองแขก แต่ก็ยังแบ่งโซน Shower เอาไว้ให้ด้วยนะ

ดวงโคมภายในห้องน้ำใช้ดวงโคมดาวน์ไลท์เช่นกัน

ในส่วนของสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือที่ได้จะเป็นแบบแขวนผนัง ติดกระจกมาให้เรียบร้อย

อ่างทรงสี่เหลี่ยมขนาดกำลังดี ด้านหลังอ่างก่อ Lower Wall สามารถวางพวกขวดสบู่ และ กล่องทิชชู่ได้ค่ะ

ก๊อกน้ำทรงมนปลอดภัย จับถนัดมือ

อีกฝั่งหนึ่งจะวางโถสุขภัณฑ์ และ โซนอาบน้ำ

โถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นระบบ Dual Flush พร้อมสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษชำระ ระยะติดตั้งกำลังดีค่ะ นั่งแล้วไม่อึดอัด

Accessories ก็เป็นของ American Standard เช่นเดียวกันค่ะ

ในส่วนของโซน Shower พื้นจะทำลดระดับจากพื้นห้องน้ำลงไปเล็กน้อย ตรงนี้เราสามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองได้นะ

ที่ผนังติดตั้งฝักบัวสายอ่อนมาให้

หัวฝักบัวมีขนาดกำลังดีเลยนะ สามารถปรับรูปแบบของสายน้ำได้ด้วย

ข้างๆฝักบัวอาบน้ำจะมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานค่ะ ตรงหน้าต่างก่อ Lower Wall ให้อีก 1 จุดสำหรับเป็นที่วางขวดสบู่และแชมพูค่ะ

เราจะเข้าไปดูในส่วนของห้องครัวกันต่อ จะติดประตูบานเลื่อนกระจกมาให้แบบนี้

เข้ามาในห้องครัวจะเป็นห้องครัวแบบปิด ติดดวงโคมดาวน์ไลน์ให้ พื้นยังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เหมือนในห้องโถงของบ้าน ภายในห้องครัวจะสามารถจัดวางเคาน์เตอร์ได้ 1 ฝั่ง เป็นแบบ I Shape

พอวางเคาน์เตอร์ไป 1 ฝั่งก็จะเหลือพื้นที่ยืนปรุงอาหารกว้างประมาณ 1.1 เมตรค่ะ ไม่แคบจนเกินไป

ในส่วนของเคาน์เตอร์ครัวหลักๆจะเป็นมุม Washing Area ค่ะ สามารถเก็บล้าง หรือเตรียมอาหารได้สะดวก จะติดตั้งเตาปรุงอาหารเพิ่มเติมด้วยก็ยังพอ

ตู้ Load Center ก็ติดตั้งเอาไว้ในห้องครัวค่ะ ใช้ของ Bticino

จากห้องครัวจะสามารถเปิดออกไปสู่ครัวไทย และลานซักล้างได้ โดยประตูเป็นบานสำเร็จรูป มือจับก้านโยกสแตนเลส

เปิดออกไปจะเป็นพื้นครัวไทยค่ะ ลดระดับจากพื้นครัวประมาณ 10 ซม. ปูด้วยกระเบื้องขนาด 20 x 20 ซม.

ในส่วนของพื้นครัวไทยและลานซักล้าง ทางโครงการได้ลงเข็มแบบ On Beam มาให้เช่นกันเพื่อกันทรุด

บริเวณพื้นที่ครัวไทยก็มีขนาดที่กว้างขวางนะ สามารถประกอบอาหารได้สะดวกเลย โดยที่พื้นและผนังก็มีการเจาะท่อเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย

ออกไปทางด้านหลังบ้านจะเป็นลานซักล้างค่ะ

ซึ่งตรงนี้ก็จะเตรียมก็อกสนาม และปูกระเบื้องให้เรียบร้อย ปั๊มน้ำและถังเก็บน้ำก็ติดตั้งมาให้พร้อมกับตัวบ้านเลย

ในส่วนของครัวไทย เราสามารถเดินเข้าจากทางลานจอดรถก็ได้นะคะ เวลาซื้อของสดเข้าบ้าน เราสามารถเข้าห้องครัวผ่านทางนี้เลยจะสะดวกกว่า

ส่วนประตูนี้จะเป็นตู้เก็บของค่ะ

มุมมองย้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน

เราจะขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อเลย บันไดจะเป็นโครงการคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ลูกตั้งและลูกนอนใช้ไม้อัดประสาน ส่วนราวจับบันไดจะเป็นราวเหล็กฝังกับแม่บันได มือจับเป็นไม้จริงสีเข้ากับพื้นบันได ตัวโถงกว้าง 0.9 เมตรไม่แคบจนเกินไป

มองขึ้นไปยังโถงบันไดจะเห็นว่าสูงโปร่งและสว่าง

เนื่องจากมีช่องแสงให้ทั้ง 2 ฝั่งของโถงเลย

มุมมองย้อนกลับลงไปที่ชานพักบันได เป็นบันไดรูปตัว U หักกลับตามภาพ

ขึ้นมาถึงโถงบันไดชั้น 2 จะเป็นตัวเชื่อมสู่ห้องนอนทุกห้อง ฝั่งซ้ายมือคือห้องนอน 2 และห้องนอน 3 ตรงกลางคือห้องน้ำชั้นบน ส่วนฝั่งขวามือคือห้องนอน Master Bedroom พื้นชั้น 2 จะปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ผนังติดวอลเปเปอร์ให้เหมือนเดิม ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตรเท่ากันกับชั้นล่าง

มุมมองย้อนกลับไปที่โถงบันได

เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูภายในห้องนอน Master Bedroom กันก่อนเลยค่ะ

ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายในห้องแบ่งเป็น 2 โซนคือ โซนพักผ่อน และโซนแต่งตัว

มาดูในส่วนของโซนพักผ่อนกันก่อน จะสามารถวางโต๊ะทำงาน และเตียงขนาด 6 ฟุตได้

เมื่อวางเตียงนอนแล้วก็ยังเหลือพื้นที่เป็นทางเดินโดยรอบ สามารถเดินผ่านและทำเตียงได้สะดวก

ในส่วนของปลายเตียงก็สามารถวางชั้นวางทีวี หรือทำเป็นตู้ Built-in ก็ได้ค่ะ ยังเหลือพอเป็นทางเดินผ่านได้อยู่

ภายในห้องนอนถือว่าสว่างทีเดียวค่ะ เพราะว่าโดยรอบห้องจะมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ให้

เราเข้าไปดูในโซนแต่งตัวกันต่อ จะเป็น Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำส่วนตัว

ภายในสามารถวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างลงตัวค่ะ

โดยจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำส่วนตัว

พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงเล็กน้อย

การจัดโซนของห้องน้ำ Master Bedroom จะต่างจากห้องน้ำชั้นล่าง โดยจะวางสุขภัณฑ์ไล่เข้าไป จากอ่างล้างมือ เป็นโถสุขภัณฑ์ และโซนอาบน้ำ ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ก็ยังคงเดิมค่ะ

โดยจะจัดให้โถสุขภัณฑ์ และ ฝักบัว หันไปหากำแพงอีกฝั่ง สามารถเพิ่มความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวเวลาใช้งาน

พื้นโซนอาบน้ำก็จะลดระดับลงไปจากพื้นห้องน้ำอีกเล็กน้อย

ภายในติดตั้งฝักบัวสายอ่อนและชั้นวางสบู่มาให้เรียบร้อยค่ะ แต่เราต้องหาฉากกั้นอาบน้ำมาติดเพิ่มเติมเองนะ

ออกมาที่โถงบันได เราจะเข้าไปดูห้องน้ำชั้นบนกันต่อ เป็นห้องน้ำใช้รวมระหว่างห้องนอน 2 และ 3

ทั้งวัสดุและสุขภัณฑ์ภายในใช้แบบเดียวกันทุกประการค่ะ จะต่างกันก็แค่สีสันที่ใช้

เราจะเข้าไปดูห้องนอน 2 และ 3 กันต่อเลย

เข้ามาภายในห้องนอน 2 มีขนาดเล็กเป็นครึ่งนึงของห้องนอนใหญ่ แต่ก็ยังสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างครบถ้วนและลงตัวค่ะ

ภายในสามารถวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่งได้

ข้างๆยังเหลือพื้นที่ สามารถวางโต๊ะทำงาน หรือ โต๊ะเครื่องแป้งได้พอดี

ฝั่งตรงข้ามสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดกลางๆได้อีก 1 ตัวค่ะ โดยเราจะต้องเผื่อที่สำหรับวงสวิงประตูด้วยนะ

เข้ามาดูภายในห้องนอน 3 กันต่อค่ะ เป็นห้องสุดท้ายของบ้านหลังนี้ ขนาดห้องก็พอๆกับห้องนอน 2 เลย แต่ห้องนี้จะทำเตียงเป็นแบบ Built-in เป็นช่องสำหรับเก็บของใต้เตียงได้ด้วย

เตียงขนาดที่เหมาะสมก็ 3 ฟุตครึ่งเช่นกันค่ะ

พื้นที่ๆเหลือภายในห้องก็ยังสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานได้อีกสบายๆ

นอกจากนี้ สวิตช์ และ ปลั๊กไฟ ที่ใช้จะเป็นของ Siemens ทั้งหมดค่ะ

::: แบบบ้าน ZENBI ขนาด 232 ตร.ม. :::

รั้วบ้าน และโรงจอดรถ บ้านมาตรฐาน

เรามาต่อกันด้วย แบบบ้าน ZENBI บ้านเดี่ยว ขนาด 232 ตร.ม. มี 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ส่วนพักผ่อนชั้น 2 และ 2 ที่จอดรถ ตัวบ้านใช้โทนสีขาว-ครีม-น้ำตาล ดีไซน์ดูเรียบๆแต่ลงตัว มีช่องประตู-หน้าต่างที่กว้างขวางขึ้น และนี่ก็คือแบบบ้านมาตรฐานที่ใช้ส่งมอบของโครงการค่ะ

ในส่วนของรั้วบ้าน จะเป็นบานเลื่อนตอนเดียว สามารถเปิด-ปิดได้ ที่รั้วบ้านจะติดเลขที่บ้าน, กริ่งออด, ไฟกิ่ง และช่องเก็บขยะ มาให้แบบนี้เลยค่ะ

ในส่วนของโรงจอดรถ สามารถจอดรถได้ 2 คัน โครงสร้างเป็นเสาเข็ม-คอนกรีตเสริมเหล็ก และเทพื้นซีเมนต์ขับเรียบ ที่ฝ้าเพดานเป็นฝ้าแผ่นเรียบไฟเบอร์ซีเมนต์ ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้

บริเวณโรงจอดรถจะมีประตูเล็กสามารถเข้าบ้านได้ ทำสเต็ปขึ้นมาให้ ปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. เวลาฝนตกหรือซื้อของเข้าบ้านก็ไม่ต้องเดินอ้อมไปที่ด้านหน้าผ่านห้องนั่งเล่นให้เลอะเทอะ ข้างๆคือประตูตู้เก็บของค่ะ

จากโรงจอดรถไปยังเฉลียงทางเข้าบ้าน จะทำเป็นทางเดิน เพื่อต่อไปยังสวนข้างบ้าน และเชื่อมต่อไปยังลานซักล้างข้างหลังบ้านได้ โดยทางโครงการก็จะลงต้นไม้ในสวนเอาไว้ให้ พร้อมปูหญ้าให้เรียบร้อย

กลับมาที่บริเวณเฉลียงทางเข้าบ้านกันค่ะ จะทำเป็น 2 สเต็ปสูงขั้นละประมาณ 10-15 ซม. พื้นเฉลียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.

แบบบ้านตัวอย่าง

เข้าไปดูภายในบ้านตัวอย่างกันต่อเลยค่ะ ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียมแบบ 3 ตอน สามารถเปิดหน้าบ้านและรับลมได้กว้างมากขึ้น

มุมมองเข้าไปภายในบ้านจะเป็นโซน Semi-Private

ซึ่งตรงนี้จะเป็นฟังก์ชั่นที่ถูกออกแบบพิเศษมาให้เหมือนบ้านญี่ปุ่น นั่นก็คือ Robi จะเป็นสเต็ปยกพื้นก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน เป็นจุดสำหรับต้อนรับและถอดรองเท้า เพื่อความสะอาดและเป็นส่วนตัวค่ะ

เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วจะเจอห้องนั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปคือห้องรับประทานอาหาร พื้นบ้านจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. จะปูยาวเข้าไปถึงในห้องครัว ผนังจะเป็นผนังติดวอลเปเปอร์เก็บขอบด้วยบัวผนังเรียบร้อย ที่ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบทั้งหลัง ส่วนดวงโคมที่ใช้จะเป็นดวงโคมดาวน์ไลท์ทั้งหมด

มาดูการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านกันต่อค่ะ เริ่มจากห้องนั่งเล่น

ทางบ้านตัวอย่างได้จัดวางโซฟาเบด พร้อมโต๊ะกาแฟ ซึ่งกำลังเหมาะสมกับพื้นที่เลยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาเราสามารถทำชั้น Built-in เพื่อวางทีวี และวางของได้อีกนะ

ระยะดูทีวีก็เท่ากับบ้านหลังที่แล้วค่ะ ประมาณ 2.5 เมตรเลยนะ ดูทีวีขนาด 60 นิ้วจะกำลังดีเลย

มุมมองไปยังห้องทานอาหาร ต่อเนื่องเข้าสู่โถงบันได

ภายในห้องทานอาหารจะมีพื้นที่ๆกว้างขวางค่ะ เราสามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่ สัก 6-8 ที่นั่งก็ยังไหว จะเป็นทรงกลม หรือทรงสี่เหลี่ยมก็ลงตัวกับพื้นที่ ข้างๆยังสามารถวางชั้นเก็บของ หรือจะทำเป็นมินิบาร์ก็ยังพอ

มุมมองจากห้องทานอาหารย้อนกลับไปที่ฝั่งหน้าบ้าน

ตอนนี้เราเปิดม่านให้ดูช่องแสงทั้งหมดของห้องโถงใหญ่ค่ะ จะเห็นว่าบ้านถูกออกแบบมาให้มีช่องประตู-หน้าต่างขนาดใหญ่รอบตัวบ้านเลย ภายในห้องโถงจะสว่างมากโดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลยก็ได้

ทั้งฝั่งห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหารจะมีประตูบานเลื่อน สามารถเปิดเชื่อมต่อกับสวนข้างบ้านได้

ที่ข้างบ้าน ทางบ้านตัวอย่างได้จัดให้เป็นชานบ้านยาวเท่าตัวบ้านเลยค่ะ เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อน ในหน้าร้อนชาวญี่ปุ่นจะชอบออกมานั่งเล่นนอกบ้านเพื่อรับลม ทานแตงโมฉ่ำๆ ดื่มชา หรือนั่งเล่นเกมส์หมากรุก

กลับเข้ามาภายในตัวบ้านค่ะ เราจะไปดูห้องนอนชั้นล่างกันต่อ

ห้องนอนชั้นล่าง เหมาะสำหรับเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุค่ะ จะได้ไม่ต้องขึ้น-ลงบันไดบ่อย หรือเราจะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์แทนก็ได้เช่นกัน

ภายในห้องมีขนาดกำลังดีค่ะ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างครบครัน โดยทางบ้านตัวอย่างได้จัดเอาไว้ให้เป็นห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่น โดยวางฟูกเอาไว้กับพื้นเลย ถ้าเราจะวางเตียงนอนก็สามารถวางขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ

ฝั่งหัวเตียงจะทำเป็นโต๊ะวางของ และทำเป็นโต๊ะทำงานไปในตัวฝั่งนึงก็ได้ อีกฝั่งก็สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้พอดี

ฝั่งตรงข้ามทำเป็นชั้น Built-in เพื่อวางทีวี หรือเก็บของกระจุกกระจิกก็ได้อีกเช่นกัน

ออกมาสู่โถงบันได

เราจะไปดูห้องน้ำกับห้องครัวกันต่อค่ะ ห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือนะ ห้องครัวคือประตูตรงกลาง ส่วนประตูทางด้านซ้ายคือประตูทางเข้าจากโรงจอดรถ

ภายในห้องน้ำจะไม่ต่างไปจากบ้านหลังที่แล้วเลยค่ะ สุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard แบบเดียวกัน ส่วนวัสดุอาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยตามภาพ จะขอข้ามไปเลยนะคะ

เข้ามาภายในห้องครัว ส่วนแรกถูกจัดเป็นห้องซักรีด อีกส่วนจะเป็นห้องครัวค่ะ ทางบ้านตัวอย่างได้ทำฉากกั้นระหว่างห้องเอาไว้

ภายในห้องครัวจะมีขนาดที่กว้างขวางกว่าบ้านหลังที่แล้ว สามารถวางเคาน์เตอร์ได้ทั้ง 2 ฝั่งเลย

ฝั่งหนึ่งสามารถวางเตาปรุงอาหาร พร้อมพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเอาไว้

ส่วนอีกฝั่งสามารถวางตู้เย็น และอ่างล้างจานได้พอดี

จากห้องครัวจะสามารถเชื่อมต่อสู่ลานซักล้างหลังบ้านค่ะ

พื้นลดระดับจากพื้นครัวประมาณ 10 ซม. ปูด้วยกระเบื้องขนาด 20 x 20 ซม.

ซึ่งตรงนี้ก็จะเตรียมก็อกสนาม, ท่อน้ำสำหรับเครื่องซักผ้า, ปั๊มน้ำ และถังเก็บน้ำก็ติดตั้งมาให้พร้อมกับตัวบ้านเลย

เราจะขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อเลย บันไดจะเป็นโครงการคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ลูกตั้งและลูกนอนใช้ไม้อัดประสาน ส่วนราวจับบันไดจะเป็นราวเหล็กฝังกับแม่บันได มือจับเป็นไม้จริงสีเข้ากับพื้นบันได ตัวโถงกว้าง 1 เมตร ด้านข้างบันไดคือห้องเก็บของภายในบ้านอีกห้องค่ะ

มองขึ้นไปยังโถงบันไดจะเห็นว่าสูงโปร่งและสว่าง เพราะมีหน้าต่างบานใหญ่มาเป็นช่องแสงให้

มุมมองย้อนกลับลงไปที่ชานพักบันได เป็นบันไดรูปตัว U หักกลับตามภาพ

มุมมองย้อนกลับไปที่โถงบันได

ขึ้นมาถึงชั้น 2 พื้นจะปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ผนังติดวอลเปเปอร์ให้เหมือนเดิม ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตรเท่ากันกับชั้นล่าง โถงบันไดจะเป็นตัวเชื่อมสู่ห้องทุกห้อง ฝั่งซ้ายมือคือห้องนอนใหญ่ ตรงกลางคือห้องพักผ่อนครอบครัว

ส่วนฝั่งขวามือของโถงคือห้องนอน 2, ห้องนอน 3 และห้องน้ำชั้นบน

ในส่วนของห้องพักผ่อนครอบครัว ก็จะมีขนาดกระทัดรัดกำลังดีค่ะ พื้นที่สามารถจัดวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง, โต๊ะกาแฟ และชั้นวางทีวีได้

ห้องนี้ก็จะมีระเบียงห้องซึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงห้องนอนใหญ่

เราเข้าไปดูในห้องนอนใหญ่กันต่อเลยค่ะ

ภายในห้องจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซนแต่งตัว และโซนพักผ่อน ซึ่งสามารถวางโต๊ะทำงาน และเตียงขนาด 6 ฟุตได้

วางเตียง 6 ฟุตแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง สามารถวางโต้ะข้างหัวเตียงได้ และยังวางโต๊ะทำงานได้อีกตัวด้วยนะ

ในส่วนของปลายเตียงก็สามารถวางชั้นวางทีวี หรือทำเป็นตู้ Built-in ก็ได้ค่ะ

ยังเหลือพอเป็นทางเดินผ่านได้อยู่

ในโซนพักผ่อนจะมีประตูบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดเชื่อมสู่ระเบียงห้องได้

พื้นระเบียงห้องจะลดระดับลงไปเล็กน้อยค่ะ ปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.

ขนาดระเบียงค่อนข้างกว้างขวางทีเดียว เพราะยาวต่อเนื่องมาจากห้องพักผ่อนครอบครัวเลย จะเอาชุดโต๊ะเก้าอี้มาวาง นั่งรับลมก็ยังได้เลย

มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง

เราเข้าไปดูในโซนแต่งตัวกันต่อ จะเป็น Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำส่วนตัว

ภายใน Walk-in Closet ก็มีขนาดที่กว้างขวางค่ะ สามารถทำตู้ Built-in ได้ทุกด้านเลย

ส่วนอีกฝั่งนึงสามารถจัดวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างลงตัว ก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับแต่งตัวอีกกว้างขวาง

มองไปอีกฝั่งก็คือห้องน้ำส่วนตัวของห้องนอนใหญ่ค่ะ

การจัดโซนของห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ จะต่างจากห้องน้ำชั้นล่างคือประตูทางเข้าจะอยู่ตรงกลางห้อง ฝั่งซ้ายวางอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ส่วนฝั่งขวาจะเป็นโซนอาบน้ำ ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ก็จะมีแตกต่างออกไปบ้าง แต่ยังคงใช้ของ American Standard ทั้งหมด

มาดูในส่วนของฝั่งซ้ายมือกันก่อน

อ่างล้างมือจะเป็นแบบฝังบนเคาน์เตอร์ค่ะ พื้นที่รอบอ่างสามารถวางของเครื่องใช้ได้

ในส่วนของโถสุขภัณฑ์ยังคงใช้เป็นแบบเดิม

เฉพาะห้องน้ำในตัวห้องนอนใหญ่ จะติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อยเลยค่ะ เป็นกระจกนิรภัย ขนาดของโซนอาบน้ำกว้างขวางมาก จริงๆแล้วจะวางอ่างอาบน้ำแทนก็ยังได้

ส่วนภายในก็ติดตั้งฝักบัวอาบน้ำและชั้นวางสบู่มาให้เหมือนเดิมค่ะ

ออกมาที่โถงบันได ไปดูห้องน้ำ, ห้องนอน 2 และห้องนอน 3 กันต่อ

เข้ามาภายในห้องน้ำชั้นบน ซึ่งเป็นห้องน้ำใช้รวมระหว่างห้องนอน 2 และ 3 ซึ่งเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างแทบทุกประการค่ะ จะขอข้ามไปเลยนะ

เข้ามาดูภายในห้องนอน 2 มีขนาดใหญ่ไม่แพ้ห้องนอนใหญ่เลยนะ ภายในสามารถจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆได้อย่างลงตัว

เมื่อวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้ว ฝั่งซ้ายและขวา ก็ยังเหลือพื้นที่ สามารถวางโต๊ะทำงาน และโต๊ะข้างได้อีกฝั่งละตัว

โต๊ะทำงานที่วางได้เป็นแบบขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอสำหรับการนั่งอ่านหนังสือและทำงานค่ะ

ความพิเศษของห้องนอน 2 ก็คือ จะมี Bay Window เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนอีกมุม

ส่วนฝั่งตรงข้ามเตียงนอน เรายังสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ รวมถึงโต๊ะเครื่องแป้งอีกตัวนึงค่ะ

มาถึงห้องนอน 3 เป็นห้องสุดท้ายของวันนี้กันแล้ว ถึงพื้นที่ห้องจะมีขนาดเล็กที่สุด แต่ก็ยังสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างพอดี ทั้งตู้ เตียง และโต๊ะทำงาน

เตียงนอนที่วางได้พอดีใช้ขนาด 3 ฟุตครึ่งค่ะ ในส่วนของปลายเตียงยังสามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานได้

มุมโต๊ะทำงานปลายเตียงน่ารักๆ

:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (พฤศจิกายน 2560) ::::

วัสดุโดยรวม

• พื้นชั้น 1 : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม.
• พื้นชั้น 2 : ไม้ลามิเนตหนา 8 มม.
• พื้นห้องน้ำ : กระเบื้องขนาด 60 x 60 และ 30 x 30 ซม.
• พื้นเฉลียงทางเข้า : กระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.
• พื้นระเบียงห้องนอน : กระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.
• พื้นลานจอดรถ : พื้นซีเมนต์ปาดเรียบขัดหยาบ
• พื้นลานซักล้าง : กระเบื้องขนาด 20 x 20 ซม.
• ผนังภายใน : ติดวอลเปเปอร์ทั้งหลัง
• ผนังห้องครัว : ผนังฉาบเรียบทาสี
• ผนังห้องน้ำ : กระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม., 20 x 30 ซม. และกระเบื้องตกแต่ง
• ประตูภายนอก (บานเลื่อน) : ประตูบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวตัดแสง
• ประตูภายนอก (บานเปิด) : ประตูบานสำเร็จรูป มือจับแบบก้านโยก
• ประตูภายใน : ประตูบานสำเร็จรูป
• หน้าต่างภายนอก : บานเลื่อน, บานกระทุ้ง และบาน Fix อลูมิเนียม Powder Coat ลูกฟักกระจกเขียวตัดแสงและกระจกฝ้า

ห้องน้ำ และสุขาภิบาล

• สุขภัณฑ์ และ Accessories : American Standard

งานไฟฟ้า

• ตู้ Load Center, สวิตช์ และปลั๊กไฟ : Bticino
• ดวงโคมทั่วไป : ดวงโคมดาวน์ไลท์
• ดวงโคมในห้องน้ำ : ดวงโคมดาวน์ไลท์
• ไฟภายนอก : ดวงโคมดาวน์ไลท์, ดวงโคมฟลูออเรสเซนต์ และไฟกิ่ง

อื่นๆ

• สัญญาณกันขโมยที่ตัวบ้าน 2 ระบบ แบบ Magnetic และ Shock Sensor
• จัดสวนสวย พร้อมถังสำรองน้ำ และ ปั๊มน้ำ
• โทรศัพท์บ้าน 1 เลขหมาย
• เครื่องปรับอากาศ Daikin ในห้องนอน Master Bedroom

***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ

:::: ราคา (พฤศจิกายน 2560) ::::

แบบบ้านแฝด KAISHI

พื้นที่ใช้สอย 149 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และ 2 ที่จอดรถ

– แปลงมาตรฐานขนาด 39.60 ตร.วา

– ราคา 5,990,000 บาท

– เงินจอง 50,000 บาท

– เงินทำสัญญา 249,500 บาท

แบบบ้านเดี่ยว KANZEN

พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องพักผ่อนชั้น 2 และ 2 ที่จอดรถ

– แปลงมาตรฐานขนาด 50.30 ตร.วา

– ราคา 8,390,000 บาท

– เงินจอง 50,000 บาท

– เงินทำสัญญา 369,500 บาท

แบบบ้านเดี่ยว ZENBI

พื้นที่ใช้สอย 232 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อนชั้น 2 และ 2 ที่จอดรถ

– แปลงมาตรฐานขนาด 60.10 ตร.วา

– ราคา 9,990,000 บาท

– เงินจอง 50,000 บาท

– เงินทำสัญญา 449,500 บาท

แบบบ้านเดี่ยว TAKUETSU

พื้นที่ใช้สอย 349 ตร.ม. 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อนชั้น 2 และ 3 ที่จอดรถ

– แปลงมาตรฐานขนาด 109.30 ตร.วา

– ราคา 16,500,000 บาท

– เงินจอง 50,000 บาท

– เงินทำสัญญา 775,000 บาท

• ค่าส่วนกลาง ตร.วาละ 65 บาท/เดือน

***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

:::: สรุป ::::

ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ Venue พระราม 5-2 ตั้งอยู่บน ถ.สุขาภิบาล 2 เป็นทำเลในโซนพระราม 5 ห่างจากปากทางถ.นครอินทร์ประมาณ 800 เมตร ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในแนวราบ ส่วนมากจะเป็นบ้านจัดสรร และบ้านพักอาศัยส่วนตัว อยู่ไม่ไกลจากสาธารณูปโภคต่างๆที่สามารถเดินไปได้ โดยทำเลนี้สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ทั้งจาก ถ.นครอินทร์, ถ.ราชพฤกษ์, ถ.พิบูลสงคราม และ ถ.กรุงเทพฯ-นนทบุรี นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วง บางซื่อ-บางใหญ่ เข้า-ออกเมืองสะดวกทั้งคนใช้รถและไม่ใช้รถค่ะ

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดิน ก็จะมีทั้งร้านอาหารและ 7-Eleven ค่ะ ส่วนห้างใหญ่ๆในย่านนี้ก็จะเป็น HomePro, The Crystal ราชพฤกษ์, The Walk ราชพฤกษ์ และ Home Work ซึ่งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ใกล้วงเวียนพระราม 5 นอกจากนี้ที่เส้นรัตนาธิเบศร์ก็มีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กัน ทั้ง Central รัตนาธิเบศร์, Esplanade แคราย, Big C ติวานนท์ ที่อยู่ในระยะขับรถไม่เกิน 10 นาทีถึง และห้างใหญ่อย่าง Central Westgate ตรงแยกบางใหญ่อีกแห่งก็ถือว่าโดดเด่นทีเดียว

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางถือว่าสะดวกสบายมาก ด้วยถนนเส้นหลักหลายสายด้วยกัน สะดวกทั้งขาเข้าและขาออกเมือง เนื่องจากตัวโครงการอยู่บนถนนสุขาภิบาล 1 จึงสามารถวิ่งเชื่อมต่อเข้าถนนใหญ่ทั้ง ถ.ราชพฤกษ์ และ ถ.นครอินทร์ ได้สะดวก หากขึ้นเหนือใช้ ถ.ราชพฤกษ์ไปบางบัวทอง วิ่งออกรัตนาธิเบศร์ไปบางใหญ่ หรือสะพานพระนั่งเกล้า หากลงใต้มุ่งหน้าไปเพชรเกษมก็ใช้ ถ.ราชพฤกษ์ก็สะดวกเช่นกัน แต่ก็สามารถวิ่งจากแยกบางสีทอง ออกวงเวียนเทอดพระเกียรติ สู่สะพานพระราม 7 ไปประชาชื่น หรือ ออกสะพานซังฮี้ ไปฝั่งพระนครได้ หรือจะวิ่ง ถ.นครอินทร์ออก ถ.กาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักมุ่งตรงสู่ย่านพระราม 2 และ มหาชัย ก็รวดเร็วค่ะ

อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ทั้งฝั่งขาเข้าเมืองและฝั่งขาออกเมือง และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สะพานพระราม 5 โดยจากโครงการวิ่งไปขึ้นสะพานพระราม 5 ได้ในระยะประมาณ 2.6 กม. หรือระยะขับรถเพียง 4 นาทีเท่านั้น ใช้วิ่งไปขึ้นทางด่วนศรีรัช หรือเข้าเมืองไปทางรัชดาภิเษกได้ในเวลาสิบกว่านาที

การเดินทางโดยรถสาธารณะ บริเวณหน้าโครงการนั้นยังไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่านค่ะ ดังนั้นคนที่เดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลักก็คงต้องใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ และแท็กซี่เป็นหลัก แต่ห่างจากโครงการไปในระยะขับรถไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น ก็จะมี รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วง บางใหญ่-บางซื่อ โดยสถานีที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุดก็คือ สถานีแยกติวานนท์ สามารถขับรถไปถึงได้ประมาณ 7 นาที (ระยะทางคร่าวๆประมาณ 5.5 กม.) ส่วนที่สถานีแยกนนทบุรีจะมีอาคารจอดรถ สามารถมาจอดรถไว้แล้วขึ้นรถไฟฟ้าเข้าเมืองต่อได้ค่ะ

ส่วนที่สะพานพระราม 5 ยังมีบริการเรือด่วนเจ้าพระยาให้บริการไปยังท่าเรือสาทร โดยท่าเรืออยู่ใต้สะพานพระราม 5 ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ และใกล้อู่ปล่อยรถเมล์ช่วงใต้สะพานพระราม 5 ที่จากโครงการสามารถนั่งวินมอเตอร์ไซค์แถวหน้าโครงการไปขึ้นท่าเรือหรือขึ้นรถเมล์ที่อู่ปล่อยรถได้ง่ายค่ะ

การออกแบบโครงการ และวัสดุ ตัวโครงการเป็นโครงการบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น สไตล์ Modern Japanese มีทั้งหมด 90 ยูนิตบนพื้นที่ 20-0-81.2 ไร่ ถือว่าวางผังมาได้ไม่แออัด นับว่าเป็นโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียวค่ะ

โครงการถูกออกแบบด้วยแนวคิดตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น คือเน้นความเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยรายละเอียด มีช่องประตู-หน้าต่างขนาดใหญ่รอบบ้านทำให้บ้านดูโปร่งโล่ง และแสงสว่างจากภายนอกสามารถส่องเข้ามาได้ทั่วถึง มีฟังก์ชั่นพิเศษทั้ง Multi-Function Room, Robi Function และ Bay Window ถือว่าออกแบบมาได้ดีค่ะ ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เน้นแบบเรียบๆ แต่ก็สวยงามและคุณภาพได้มาตรฐาน

สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ทางโครงการเองก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครันทั้ง คลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และสวนสาธารณะ ที่ออกแบบมาในสไตล์ญี่ปุ่น คนทุกเพศทุกวัยสามารถใช้งานได้ โดยบรรยากาศถือว่าทำออกมาได้สวยงามดี ขนาดส่วนกลางของโครงการเมื่อเทียบกับปริมาณยูนิตแล้วถือว่าดีเลยนะ ไม่แออัดอย่างแน่นอน ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยก็ถือว่าสมบูรณ์ดีค่ะ มีตลอด 24 ชม. เป็นระบบ Double Security System แบ่งโซน Visitor และ Resident ออกจากกัน โดยใช้ระบบ Easy Pass ในการเข้า-ออกตัวโครงการ

อีกทั้งยังล้อมรั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรพร้อมเหล็กแหลม ติดตั้ง CCTV 27 จุดทั่วโครงการ พร้อมสัญญาณกันขโมยภายในบ้าน ระบบ Magnetic และ Shock Sensor ซึ่งจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยัง Security Center และ Smart Phone ของเจ้าของบ้านตลอด 24 ชม. ถือว่าดีมากค่ะ

:::: คะแนน ::::

:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::

CALL CENTER : 1749

WEBSITE : https://www.scasset.com/th/home/

ทาวน์โฮม เวิร์ฟ เพชรเกษม 81 Verve Petchkasem 81

“Verve เพชรเกษม 81“ ทาวน์โฮม Modern Loft Style ที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ ด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ ให้เป็นมากกว่าที่พักอาศัย แต่เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว และใช้ประโยชน์ทุกพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยหน้าบ้านที่กว้างถึง 5.45 เมตร และ 5.7 เมตร ห้องนอนขนาดใหญ่ พร้อมห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตาม Life Style ของทุกคนในครอบครัว และ โฮมออฟฟิศ 4 ชั้นสไตล์ Loft (Biz Zone) มีเพียง 22 ยูนิต ด้านหน้าโครงการที่สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างลงตัว เพื่อผลกำไรที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท*

ที่ตั้งโครงการ

ซอยเพชรเกษม 81 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กทม.

:: HOUSE TYPE ::

• แบบบ้าน โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร
• พื้นที่ใช้สอย 272 ตร.ม.

• แบบบ้าน Luxe
• ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร
• พื้นที่ใช้สอย 135 ตร.ม.
• ฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 1 ห้องอเนกประสงค์, 2 ที่จอดรถ

• แบบบ้าน Loft
• ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.45 เมตร
• พื้นที่ใช้สอย 112 ตร.ม.
• ฟังก์ชั่น 2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ

:: GALLERY ::

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Tel : 1749

Website : www.scasset.com

SC ASSET ประกาศร่วมทุนเปิดบริษัท สโคป (SCOPE) ดึง “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” มือพัฒนาคอนโดอันดับต้นของประเทศ นั่งแท่น CEO ประเดิมแฟล็กชิพโครงการแรกบนที่ดินหลังสวน แปลงในตำนาน หายากที่สุด เป็นที่ต้องการที่สุด ใจกลางกรุงเทพ

ขณะที่โลกปัจจุบันได้ก้าวสู่ยุค Digital Economy ประกอบกับการเติบโตของตลาดที่ขยายตัวแบบ Fragmentation ที่ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีความละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อนมากขึ้น ตลาดมีความต้องการในสินค้าและบริการที่มีความพิเศษและตรงตามความต้องการเฉพาะตัวสูง

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เผยแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาสินค้าเชิงรุก เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการประกาศการร่วมทุนครั้งสำคัญ เปิดบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท สโคป จำกัด (SCOPE   Co., Ltd.)

ดึง ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ นั่งตำแหน่ง CEO โดยสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท สโคป จำกัด ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2560 ว่า SC ถือหุ้นในสัดส่วน 90% และ นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ อีก 10 %

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ได้เปิดเผยว่า “การรุกเปิดบริษัทร่วมทุนใหม่ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถสำหรับการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยแนวสูง

ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป มีรสนิยมแตกต่างกัน มีความเป็น   อัตลักษณ์ (Identity) ชัดเจนมากขึ้นในแต่ละบุคคล และนี่คือการ Synergy การผนึกพันธมิตรเชิงกลยุทธ์      ครั้งสำคัญ ระหว่าง SC กับ SCOPE”

นอกเหนือไปจากนั้น บริษัท สโคป เป็นบริษัทขนาดเล็ก ที่มีความคล่องตัวสูง ประกอบไปด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพภายใต้การนำของ CEO มากความสามารถ ที่มีชื่อเสียงมายาวนานใน เรื่องการปั้นสินค้าคอนโดที่สร้างความตื่นเต้นให้ตลาดเมืองไทยตลอดมา ซึ่งมีความถนัดในตลาดที่มีไลฟ์สไตล์พิเศษเฉพาะตัวสูงในทุกระดับราคา

ขณะที่ SC ก็มีความโดดเด่น ในเรื่อง สินค้าคุณภาพ และ บริการหลังการขาย ตลอดจน  ความมั่นคงทางด้านสถานะทางการเงิน จึงทำให้การ synergy ครั้งสำคัญนี้ จะส่งผลบวกต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งรายได้ และ กำไรสุทธิ

โครงการแรกที่จะพัฒนาโดยบริษัท สโคป ตั้งอยู่บนที่ดินในซอยหลังสวน ตรงข้ามโรงเรียนมาแตร์เดอี ใกล้เซ็นทรัลชิดลม และเดินแค่ไม่กี่ก้าวจากรถไฟฟ้าสถานีชิดลม มีขนาดที่ดินมากกว่า 2 ไร่ มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท

นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ มีความมั่นใจในโครงการที่จะเปิดใหม่นี้ ว่าจะมี Feature ใหม่ๆในการอยู่อาศัยของคนเมืองที่จะสร้างความฮือฮาแก่ตลาดได้อย่างแน่นอน  ปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาและคาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นปี 2562

บ้านเดี่ยว เพฟ บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา Pave Ban Pho-Chachoengsao

เตรียมพบกับ Pave บ้านโพธิ์-ฉะเชิงเทรา บ้านหรูโครงการใหม่จาก SC ASSET  เริ่ม 4 ล้านต้น*

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก : https://goo.gl/v6Ezf1

ที่ตั้งโครงการ

โซนฉะเชิงเทรา

:: ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ ::

** หมายเหตุข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากโครงการยังไม่เปิดตัว **

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Tel : 1749

Website : https://www.scasset.com/th/home/

EP.1005 รีวิว บ้านเดี่ยว บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ ราชพฤกษ์ Bangkok Boulevard Signature Ratchaphruek

สวัสดีค่าท่านผู้อ่านชาว Homenayoo ที่น่ารักทุกคน วันนี้เรามีโครงการบ้านเดี่ยวคุณภาพมาฝากกัน นั่นก็คือ โครงการ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์ บ้านหรูดีไซน์ใหม่ล่าสุด ติด ถ.ราชพฤกษ์ ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบสูง ใกล้สถานศึกษาและสถานพยาบาล เช่น รพ.ปากเกร็ด, รพ.วิภาราม, รพ.เวิร์ดเมดิคอล ใกล้สถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติเด่นหล้า, โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าพระราม5 รายล้อมด้วย Community Mall หลายแห่ง อาทิ Crytal PTT, HomePro, Chic Republic, Central Plaza Westgate

บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ ราชพฤกษ์ โครงการบ้านเดี่ยวหรู 2 ชั้น สไตล์ Luxury English Village จำนวน 15 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 7-0-71.9 ไร่ จำนวน 15 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวหรูสูง 2 ชั้น บรรยากาศโครงการมีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมหมู่บ้าน Bibury หมู่บ้านสวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ บรรยากาศที่นี่เหมาะสำหรับการพักผ่อน กับฟังก์ชั่นขนาด 4 ห้องนอน, 4-5 ห้องน้ำ, 1 ห้องแม่บ้าน และที่จอดรถ 4-5 คัน พิเศษด้วยห้องน้ำในตัวห้องนอนทุกห้อง, ครัวไทย ขนาดเริ่มต้นที่ 104 – 132 ตร.วา คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในเดือนพฤษภาคม ปี 2562

สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในโครงการครับครัน มี คลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่, ฟิตเนส, ห้องรับรองอเนกประสงค์, สวนสาธารณะสไตล์อังกฤษ ตัวบ้านติดตั้งสัญญาณกันขโมย 2 ระบบ แบบ Magnetic และ Shock Sensor, กล้อง CCTV ทั่วโครงการ, ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Triple Security System เข้า-ออกด้วยระบบ Access Control แบบ Easy Pass ราคาเริ่มต้นที่ 18 ล้านบาท

โดยรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตามอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่า

** หมายเหตุ : ชื่อเดิมโครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์

ที่ตั้งโครงการ

พิกัด : 13.914515, 100.451058

ภาพประกอบจาก: https://www.prachachat.net

การเดินทางในวันนี้ เราจะเริ่มต้นกันบนถนนราชพฤกษ์บริเวณก่อนถึงวงเวียนพระราม 5 ลงสะพานลอดใต้วงเวียนพระราม 5 มุ่งหน้าตรงไปทางถนนชัยพฤกษ์ และกลับรถก่อนถึงแยกราชพฤกษ์ตัดถนนชัยพฤกษ์

เมื่อกลับรถมาแล้วขับตรงต่อไปประมาณ 1 กม. จะถึงทางเข้าโครงการ โดยให้สังเกต Home Pro แล้วเริ่มชิดเลนซ้าย ตัวโครงการจะอยู่ติดกับปั๊มบางจากค่ะ

สรุปการเดินทาง ถนนราชพฤกษ์ > วงเวียนพระราม 5 > ถนนราชพฤกษ์ > กลับรถ > ถนนราชพฤกษ์ >โครงการ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์

เราเริ่มการเดินทางกันบนถนนราชพฤกษ์บริเวณก่อนถึงแยกวงเวียนพระราม 5 จะเห็นป้ายบอกทางมุ่งตรงไปทางถนนรัตนาธิเบศร์ เราใช้เลนขวาเพื่อเข้าทางลอดใต้วงเวียนพระราม 5 ทางชวามือเราจะเห็นอเวนิว The Walk มี Index Living Mall และห้างอื่นๆรวมอยู่ด้านในค่ะ

ขับตรงมาอีกหน่อยก็เห็นโฮมโปรทางซ้ายมือ

เราชิดเลนขวาไปเรื่อยๆจะเข้าทางลอดใต้วงเวียนพระราม 5

วิ่งตรงผ่านทางลอดวงเวียนพระราม 5 ค่ะ

ขึ้นมาจากทางลอดแล้วก็จะยังอยู่บนถนนราชพฤกษ์

ขับตรงมาเรื่อยๆจะถึงช่วงถนนราชพฤกษ์ตัดรัตนาธิเบศร์

ตรงไปหน่อยจะเห็น Chic Republic ทางขวามือ

ให้สังเกตป้ายบอกทางเราจะใช้เส้นทางตามเส้นสีแดงบนป้ายนะคะ

ขับต่อมาอีกหน่อย เราเบี่ยงซ้ายตามป้ายบอกทางกลับรถ

เบี่ยงซ้ายออกมาแล้วเราขับตรงต่อไป

ชิดเลนขวาเพื่อขึ้นสะพานกลับรถ

ขับตรงขึ้นสะพานกลับรถค่ะ

กลับรถมาแล้วเราจะกลับมาบนถนนราชพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าถนนนครอินทร์

ขับตรงมาเรื่อยๆ เมื่อเห็น Home Pro แล้วเราเริ่มชิดเลนซ้าย

จุดสังเกตก่อนถึงโครงการคือปั๊มบางจากทางซ้ายมือ

ติดกับปั๊มบางจากเราจะเห็นป้ายใหญ่ของโครงการ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์ และ Bangkok Boulevard ราชพฤกษ์ – รัตนาธิเบศร์ทางซ้ายมือ

เลี้ยวซ้ายเข้ามาจะเจอกับซุ้มทางเข้าใหญ่

ขับตรงเข้ามาประมาณ 100 เมตร จะถึงโครงการ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์ ทางซ้ายมือค่ะ

ถนนและแยกที่สำคัญรอบโครงการ

• ถ.ราชพฤกษ์ : 100 ม.
• ถ.รัตนาธิเบศร์ : 4.3 กม.
• ถ.กาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก) : 4.7 กม.
• สะพานพระนั่งเกล้า : 7 กม.
• สะพานพระราม 4 : 10.2 กม.
• แยกบางใหญ่ : 10.2 กม.
• แยกปากเกร็ด : 11.7 กม.
• แยกบางพลู : 11.7 กม.
• แยกสนามบินน้ำ : 12.2 กม.
• แยกสามัคคี : 17.1 กม.

สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ

• ตลาดอินดี้ : 850 ม.
• Chic Republic : 1 กม.
• Pure Place : 3.4 กม.
• HomrPro ชัยพฤกษ์ 3.7 กม.
• The Walk : 10.6 กม.
• Big C Extra : 10.7 กม.
• เมเจอร์ ฮอลลีวูด : 11.7 กม.
• Central Plaza West Gate 12.4 กม.
• ตลาดสดเทศบาลปากเกร็ด : 12.9 กม.
• Central แจ้งวัฒนะ : 16.4 กม.
• Tesco Lotus แจ้งวัฒนะ: 17.7 กม.
• Makro ปากเกร็ด: 18.7 กม.
• The Circle : 20 กม.

• รพ.วิภาราม ปากเกร็ด : 12.5 กม.

• วัดสะพานสูง : 8.7 กม.

• รร.เด่นหล้า : 300 ม.
• รร.นนทบุรีวิทยาลัย : 2.7 กม.
• รร.วัดสะพานสูง : 8.7 กม.
• รร.ปากเกร็ดวิทยา : 12.9 กม.
• รร.สวนกุหลาบ นนทบุรี : 14.4 กม.

รอบๆโครงการ

พื้นที่โดยรอบโครงการจะเป็นจะเป็นย่านพักอาศัยเกือบทั้งหมด จากภาพด้านบนจะเห็นว่า มีหมู่บ้านใหญ่รอบโครงการเลย

• ทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่าและทะเลสาบขนาดใหญ่
• ทิศใต้ ติดกับหมู่บ้านพฤกษ์ภิรมย์
• ทิศตะวันออก ติดกับโครงการ Life Bangkok Boulevard ราชพฤกษ์ – รัตนาธิเบศร์
• ทิศตะวันตก ติดกับปั๊มบางจาก ภายในมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ถัดไปเป็นถนนราชพฤกษ์ ฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้าน The Emerald Garden และ หมู่บ้านสัมมากร ซึ่งด้านหน้าจะมี Pure Place เป็น Community Mall ที่ภายในมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ

ติดกับโครงการจะเป็นปั๊มบางจาก

ในปั๊มมีร้านสะดวกซื้อ Spar ซึ่งด้านในจะมีร้านอาหารและคาเฟ่รวมอยู่ด้วย

และร้านอาหารอื่นๆในปั๊มคือร้าน A&W และ BeHappy ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ

พื้นที่ข้างโครงการอีกฝั่งจะเป็นหมู่บ้านพฤกษ์ภิรมย์

ตัวโครงการ

ภาพจาก : http://www.cotswoldsadventures.co.uk

ตัวโครงการ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรู ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนบ้านเพียง 15 ยูนิต บนที่ดิน 7-0-71.9 ไร่ พร้อมส่วนกลางครบครัน และบรรยากาศเงียบสงบ ได้อารมณ์เหมือนหมู่บ้าน Bibury เล็กๆในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็น Concept การออกแบบของโครงการนี้ โดยหมู่บ้าน Bibury นี้จะเป็นหมู่บ้านที่มีบรรยากาศเหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ ที่ตัวบ้านจะมีลักษณะเป็นกระท่อมหิน มีแม้น้ำสายเล็กๆไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งจัดว่าเป็น The Most beautiful village in England เลยค่ะ

ตัวโครงการจะอยู่ภายในที่ดินเดียวกับโครงการ Life Bangkok Boulevard รัตนาธิเบศร์ – ราชพฤกษ์ โดยจะใช้ทางเข้าจากถนนราชพฤกษ์และถนนเส้นหลักร่วมกัน แต่จะมีทางเข้าแยกของแต่ละโครงการอีกชั้น และระบบรักษาความปลอดภัยแยกจากกันค่ะ

จากผังโครงการ ส่วนแรกจะเป็นซุ้มทางเข้าโครงการ ใช้ระบบ Easy Pass และ รปภ. เฝ้า 24 ชม. เมื่อเข้าไปในโครงการจะเจอกับถนนหลัก กว้าง 12 เมตร ซึ่งจะเชื่อมยาวไปยังบ้านทุกหลังในโครงการ ถัดจากซุ้มทางเข้าหลักจะเป็นวงเวียนและพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ ซึ่งจะประกอบไปด้วย อาคาร Clubhouse และสวนสาธารณะสไตล์อังกฤษ โดยพื้นที่ส่วนกลางจะมีพื้นที่รวมประมาณ 320 ตร.วา

เรามาดูบรรยากาศของจริงกันบ้าง เริ่มจากทางเข้าหลักจากถนนราชพฤกษ์ จะเป็นซุ้มขนาดใหญ่ ที่ใช้ร่วมกัน 2 โครงการ คือ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์ และ Life Bangkok Boulevard ราชพฤกษ์ – รัตนาธิเบศร์

ด้านหน้ามีป้ายชื่อทั้ง 2 โครงการ

ส่วนทางเข้าหลักโครงการ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์ จะอยู่ถัดเข้ามาจากซุ้มทางเข้าประมาณ 100 เมตร

จากหน้าโครงการ ทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นประตูทางเข้าของโครงการ Life Bangkok Boulevard ราชพฤกษ์ – รัตนาธิเบศร์

ภาพรวมถนนหลักด้านหน้าโครงการ จะเห็นว่ามีรั้วกำแพงสูงและลงต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ตลอดทาง ทำให้บรรยากาศร่มรื่น และมีความเป็นส่วนตัว

ด้านหน้ามีป้ายชื่อโครงการ และจัดสวนสน ไสตล์อังกฤษ์

ตัวซุ้มทางเข้าเป็นแบบมีหลังคา กันแดดฝน แยกทางเข้า – ออก 2 ฝั่ง

ประตูทางเข้าแยกทางเข้าคนเดินและทางเข้ารถ เป็นระบบอัตโนมัติ ใช้ระบบ Easy Pass คือสามารถขับรถผ่านเข้าไปได้เลย โดยไม่ต้องแตะคีย์การ์ดค่ะ

มีกล้อง CCTV ติดตั้งไว้ฝั่งละ 2 ตัว เพื่อส่องหน้ารถและป้ายทะเบียน

ภาพรวมด้านหลังซุ้มทางเข้า เมื่อเข้ามาด้านในโครงการ

เมื่อเข้ามาในโครงการ ส่วนแรกจะเป็นวงเวียนต้นไม้ใหญ่ ที่ใช้เป็นที่วนรถภายในโครงการ ส่วนพื้นที่รอบๆจะเป็นสวนหย่อม ตกแต่งด้วยต้นสนและไม้พุ่ม

ถนนที่เชื่อมจากวงเวียนเข้าสู่ส่วนพักอาศัย จะเป็นถนนหลักของโครงการ กว้าง 12 เมตร

ก่อนจะเข้าไปดูส่วนพักอาศัย เราจะมาดูพื้นที่ส่วนกลางกันก่อน โดยเริ่มท่ีอาคาร Clubhouse ที่ออกแบบโดยใช้รูปแบบของบ้านใน Bibury คือรูปทรงบ้านเหมือนกระท่อมยุโรป ใช้ผนังหิน และมีช่องแสงขนาดใหญ่

ตัวอาคารสูง 2 ชั้น ภายในมีส่วนโถงพักผ่อน, ฟิตเนส, ห้องน้ำ และพื้นที่ส่วน Outdoor จะมีสระว่ายน้ำ และสวนสาธารณะ

เราเข้าไปดูภายในตัวอาคารกันต่อ เริ่มจากทางเข้าอาคารด้านหน้า จะแยกทางขึ้นบันไดและมีทาง Slope สำหรับวีลแชร์

ขึ้นมาส่วนแรกจะเป็นโถงนั่งพักผ่อน ซึ่งปัจจุบันจะยังเป็นส่วน Sale Office ร่วมอยู่ด้วยนะคะ

เข้ามาด้านในจะเจอโถงฝ้าเพดานสูง ทางขวามือมีเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลค่ะ

การตกแต่งจะใช้สีขาวและทอง บนชั้น 2 จะเป็นห้องประชุม ตกแต่งผนังเป็นลายฉลุ

ช่องแสงถายในโถงติดตั้งมาให้เยอะ ทำให้พื้นที่โถงสว่าง โดยไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวันก็ได้ค่ะ

กลับออกมาด้านนอก อีกฝั่งของอาคารจะเป็นสระว่ายน้ำ, ห้องน้ำ และสวนสาธารณะ

ตัวสระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือ แยกสระเด็ก

พื้นที่ข้างสระจะเป็นเฉลียงในร่ม มีห้องน้ำแยกชาย – หญิง

เราเข้าไปดูภายในส่วนห้องน้ำหญิงกันก่อน

ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาว ซ้ายมือเป็นอ่างล้างมือ และขวามือแบ่งเป็นห้องน้ำ 3 ห้อง และห้องอาบน้ำ 1 ห้อง

อ่างล้างมือติดตั้งมาให้ 3 อ่าง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่

ภายในห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower มาให้

ภายในห้องน้ำติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบชุด พร้อมกระดาษชำระและถังขยะ

เราเข้าไปดูภายในห้องน้ำชายกันต่อ

ภายในห้องน้ำชายจะตกแต่งด้วยโทนสีเข้มขึ้นมาอีกหน่อย โดยใช้กระเบื้องสีเทาทั้งห้อง

ภายในห้องน้ำติดตั้งอ่างล้างมือมาให้ 3 อ่าง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่

ถัดเข้าไปด้านในมีโถปัสสาวะชาย 3 โถ

ภายในห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัวมาให้

ภายในห้องน้ำ

ถัดจากส่วนห้องน้ำมาจะมีพื้นที่สวนที่จัดเป็นโซนนั่งพักผ่อน มีซุ้มโค้งตกแต่งสไตล์สวนอังกฤษ

ถัดมาเราจะขึ้นไปดูบนชั้น 2 กันต่อ

ขึ้นมาบนชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้องฟิตเนส

ภายในห้องฟิตเนสจะติดตั้งเครื่องออกกำลังกายมาให้ครบเซต ผนัง 2 ด้านเป็นกระจกใส สามารถเปิดระบายอากาศได้ อีก 2 ด้านเป็นกระจกเงา

ลักษณะห้องเป็นเพดานสูง ตีฝ้าตามรูปทรงหลังคาจั่ว

อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทางโครงการจัดมาให้จะมีจักรยานไฟฟ้า 2 คัน

Eliptical 1 เครื่อง

เครื่องบริหารกล้ามเนื้อ 1 เครื่อง

ตาชั่ง 1 เครื่อง

บอลออกกำลังกาย 1 ลูก

เบาะปรับระดับได้ 1

ดัมเบลคละน้ำหนัก 12 ชิ้น

ลู่วิ่งไฟฟ้า 2 ลู่

มุมจากฟิตเนสมองลงมาจะเห็นวิวสวนสาธารณะ

ออกมาที่พื้นที่สวนด้านนอก ติดกับอาคาร Clubhouse ตัวสวนจะมีทางเข้าทั้งจากถนนหลักและจากอาคาร Clubhouse

ทางเข้าสวนจากถนนหลักจะมีรั้วเตี้ยๆ และประตูเล็กเชื่อมเข้าสวน

ภายในสวนจะปูหญ้ามาเกือบเต็มพื้นที่ มีเว้นสำหรับทางเดินบางส่วน เป็นสวนที่เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนหย่อนใจตอนเย็นๆ

ที่นั่งพักผ่อนจะถูกจัดมาไว้ในสวน โดยการลดระดับพื้นลงไปประมาณ 1 ขั้นบันได ทำให้เกินพื้นที่ที่ดูแยกออกจากพื้นหญ้า เป็นสัดส่วน

บรรยากาศโดยรวมในโครงการ มองจากถนนเส้นหลักตรงไปจะสามารถเห็นทั้งโครงการได้เลยค่ะ เพราะมีเพียง 15 ยูนิตเท่านั้น

หน้าบ้านทุกหลังจะมีฟุตบาท ปูหญ้าและลงไม้พุ่มเตี้ยไว้ให้

แบบบ้าน

แบบบ้านในโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีทั้งหมด 2 แบบ คือ

• Ablington พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 4 ที่จอดรถ, Double Living, ส่วนรับประทานอาหาร, ครัวไทยและพื้นที่พักผ่อนชั้นบน
• Bibury พื้นที่ใช้สอย 392 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 5 ที่จอดรถ, Double Living, ครัวไทย, ส่วนรับประทานอาหาร, ครัวไทยและพื้นที่พักผ่อนชั้นบน

• Ablington พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 4 ที่จอดรถ, Double Living, ส่วนรับประทานอาหาร, ครัวไทยและพื้นที่พักผ่อนชั้นบน

แปลนบ้านชั้น 1

แปลนบ้านชั้น 2

• Bibury พื้นที่ใช้สอย 392 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 5 ที่จอดรถ, Double Living, ครัวไทย, ส่วนรับประทานอาหาร, ครัวไทยและพื้นที่พักผ่อนชั้นบน

แปลนบ้านชั้น 1

แปลนบ้านชั้น 2

บ้านตัวอย่าง

สำหรับบ้านตัวอย่างในโครงการ จะมีให้ชมกันทั้ง 2 แบบ คือ Ablington และ Bibury

เริ่มที่บ้านตัวอย่างแรก Ablington พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 4 ที่จอดรถ, Double Living, ส่วนรับประทานอาหาร, ครัวไทยและพื้นที่พักผ่อนชั้นบน

การออกแบบหน้าตาของตัวบ้านได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบกระท่อม จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือการใช้หลังคาทรงจั่วที่มี Slope สูง เและตีฝ้าตามแนวหลังคา ส่วนผนังหน้าบ้านตกแต่งด้วยหินสีน้ำตาล ตัวบ้านโทนสีขาวและน้ำตาลเทา ทำให้ได้ Charactor ที่แตกต่างจากบ้านเดี่ยวทั่วๆไป

แปลนบ้านชั้น 1 เมื่อเข้ามาในพื้นที่บ้านจะเจอกับที่จอดรถขนาด 4 จอด พื้นที่ส่วนหลังบ้านจะเป็นลานซักล้างและส่วนห้องพักแม่บ้าน

ทางเข้าตัวบ้านจะมี 2 ทาง คือทางเข้าหลักหน้าบ้านและทางเข้ารองจากที่จอดรถ เมื่อเข้าไปภายในตัวบ้านส่วนแรกจะเจอกับพื้นที่โถงห้องรับแขก ถัดไปเป็นโซนของห้องพักผ่อนส่วนที่ 2 และห้องทานอาหาร

จากส่วนห้องทานอาหารจะมีโถงทางเดิน เชื่อมไปยังห้องเอนกประสงค์ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้, ห้องครัว, โถงบันไดและห้องน้ำรับรองชั้น 1

แปลนบ้านชั้น 2 ขึ้นมาจะเจอกับส่วนโถงบันได และโถงพักผ่อน ที่สามารถใช้เป็น Family Area ได้ และจากพื้นที่โถงด้านนอกจะเชื่อมไปยังห้องนอนทั้ง 3 ห้อง โดยทุกห้องมีห้องน้ำในตัว

สำหรับบ้านมาตรฐานจะได้ประตูส่วนโรงจอดรถเป็นประตูรางเลื่อนเหล็กสีดำ เปิดได้เต็มหน้ากว้าง

ด้านข้างแยกทางเข้ารอง เป็นทางคนเดินเข้าไปภายในพื้นที่บ้านได้ โดยด้านหน้ารั้วจะมีตู้จดหมาย, บ้านเลขที่ และไฟข้างรั้วติดตั้งมาให้

ติดกับประตูทางเข้าอีกฝั่งมีช่องทิ้งขยะที่เชื่อมกับช่องจากด้านหลังรั้ว

เข้ามาภายในบ้าน ส่วนแรกจะเป็นที่จอดรถ ขนาด 4 จอด พื้นเป็นทรายล้าง

บริเวณที่จอดรถจะมีห้องเก็บของ และปลั๊กไฟติดตั้งมาให้ ส่วนไฟของโรงจอดรถจะได้เป็นดวงไฟดาวน์ไลท์ 4 ดวง

ประตูทางเข้าจากที่จอดรถจะยก Step ขึ้นจากพื้นโรงจอดรถประมาณ 1 ขั้นบันได ตัวบานประตูได้เป็นบานไม้สัก มือจับก้านโยก

ช่องเก็บของในโรงจอดรถมีบานปิดเรียบร้อย เป็นสัดส่วน ด้านในสามารถที่จะเก็บอุปกรณ์ล้างรถหรืออุปกรณ์ทำสวนได้

นอกจากทางเข้าปกติแล้ว ก็จะมีทาง Slope สำหรับวีลแชร์ขึ้นไปเข้าทางประตูทางเข้าหลักของบ้าน

พื้นที่ส่วนหลังบ้านจะเป็นลานซักล้าง มีประตูทางเข้าส่วนครัวและห้องพักผ่อนแม่บ้าน

พื้นปูกระเบื้องเซรามิคสีครีม ยกระดับขึ้นมาจากพื้นสวนประมาณ 10 ซม.

สำหรับพื้นที่ข้างบ้านจะจัดเป็นสวนมาตรฐานมาให้ทุกหลัง

ตัวอย่างการจัดสวนบางส่วนค่ะ

กลับมาที่ทางเข้าหลักของตัวบ้าน ด้านหน้าจะเห็นเป็นซุ้มใหญ่ มีโคมไฟติดผนังมาให้ 3 ดวง

เฉลียงส่วนหน้าบ้านกว้าง สามารถวางชั้นวางรองเท้าหรือม้านั่งสำหรับนั่งใส่รองเท้าหน้าบ้านได้

สำหรับประตูทางเข้าหลักจะได้เป็นบานไม้สัก เปิดได้ 2 ฝั่ง

มือจับด้านนอกเป็นก้านจับและตัวล็อคด้วยกุญแจมาตรฐาน ด้านในเป็นลูกบิดทรงรี

พื้นชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคลายหินสีขาวและเทา

ภายในบ้านส่วนแรกจะเป็นส่วนของห้องรับแขก มองตรงไปเป็นส่วนของห้องทานอาหาร

ภายในห้องรับแขกส่วนแรกนี้จะดูโปร่งและสว่าง มีช่องแสงติดตั้งมาให้ทั้งฝั่งข้างบ้านและหน้าบ้าน เป็นหน้าต่างบานเลื่อน บานกรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีเทา กระจกเขียวตัดแสง หนา 6 มม.

พื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น สามารถที่จะวางโซฟาขนาด 4 – 5 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้ สบายๆ

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งทีวี มีระยะดูทีวีประมาณ 2.5 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 55″ – 60″ จะได้ระยะดูทีวีที่เหมาะสม

จากห้องนั่งเล่น ถัดไปจะเป็นส่วนของห้องทานอาหารขนาดใหญ่

บรรยากาศในห้องทานอาหารก็ยังคงมีความโปร่ง โล่ง เพราะติดตั้งช่องแสงขนาดใหญ่มาให้ทั้ง 2 ฝั่ง

ซึ่งช่องแสงที่ได้มาจะได้เป็นประตูบานเลื่อน สามารถเชื่อมออกไปยังสวนข้างบ้านและหลังบ้านได้

มือจับแบบเซาะร่องมาตรฐาน และตัวล็อคแบบก้นหอย เพิ่มความปลอดภัย 2 ชั้น

ขนาดพื้นที่ในห้องทานอาหารสามารถที่จะวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 – 8 ที่นั่งได้

จากส่วนห้องทานอาหาร มองไปอีกฝั่งจะเห็นโถงทางเดินที่เชื่อมไปยังห้องเอนกประสงค์, ห้องครัว, ห้องน้ำ และโถงบันได

สำหรับในบ้านตัวอย่างนี้ทางโครงการมีการตกแต่งห้องเอนกประสงค์ให้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนที่เชื่อมอยู่กับห้องทานอาหาร และทำผนังให้เป็นชั้นวางของ แต่ในบ้านมาตรฐานจะได้เป็นผนังทึบก้ันห้องให้ปกตินะคะ

ภายในห้องเอนกประสงค์นี้จะมีขนาดกลางๆ พอให้จัดเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ โดยวัสดุพื้นจะปูด้วยไม้ปาร์เก้ไม้มะค่าเข้าลิ้น เหมือนพื้นห้องนอนชั้นบน มีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่ ติดมาให้ 1 บาน

กลับออกมาที่โถงทางเดินเราไปดูส่วนอื่นๆกันต่อ

ฝั่งตรงข้ามห้องเอนกประสงค์เป็นห้องน้ำชั้น 1

หน้าห้องเราจะเห็นจอควบคุมระบบรักษาความปลดภันในบ้าน ยี่ห้อ inim ซึ่งจะติดตั้งมาให้ทุกหลังนะคะ ส่วนสวิทช์ไฟและปลั๊กทั้งบ้านใช้ของ Siemens

เข้ามาภายในห้องน้ำจะติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบชุด แยกส่วนแห้งส่วนเปียก แต่ในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้ Shower Box มานะคะ

พื้นห้องน้ำจะอยู่ระดับเดียวกับพื้นด้านนอก แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำล้นเพราะมีติดตั้งระบบระบายน้ำมาให้เรียบร้อย

อ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยมแบบฝังเคาน์เตอร์แบบลอยตัว ยี่ห้อ TOTO ขนาดค่อนข้างกว้าง ติดตั้งมาพร้อมก๊อกน้ำเย็น

ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ TOTO แบบ Dual Flush พร้อมอุปกรณ์ครบชุด ระยะการใช้งานพอดีๆ

สายชำระมาตรฐาน ขนาดพอดีมือ

พื้นที่ส่วนห้องอาบน้ำแยกส่วนเปียกมาให้เรียบร้อย แต่ไม่มี Shower Box ติดตั้งมาให้ ซึ่งเราก็สามารถติดตั้งเองได้สะดวกค่ะ

ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower ขนาดค่อนข้างใหญ่ ผนังด้านหลังทำเป็นช่องให้ใช้วางอุปกรณ์อาบน้ำ

ฝั่งตรงข้ามฝักบัว มีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง กระจกฝ้าติดตั้งมา 1 บาน

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1.3 x 0.8 เมตร พอให้ยืนอาบได้สะดวก

กลับออกมาที่โถงทางเดิน ประตูทางฝั่งซ้ายมือคือประตูที่เชื่อมมาจากที่จอดรถด้านนอก

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วนห้องครัว

ห้องครัวที่ได้จะได้เป็นครัวปิด ประตูบานเลื่อนกระจกใส

ภายในห้องครัวมีขนาดพอให้ยืนทำครัวกันได้สะดวก มีช่องแสงติดตั้งมาให้ 2 บาน เป็นหน้าต่างบานเกล็ด สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้

ระยะยืนทำครัวที่เหลือ หลังจากติดตั้งเคาน์เตอร์ครัว 2 ฝั่ง ประมาณ 1.1 เมตร พอให้ยืนทำครัวกันได้สะดวก

มุมจากในห้องครัวมองย้อนออกไปทางโถงทางเดินด้านนอก

มาในส่วนของโถงบันได จะมีห้องเก็บของใต้บันได ขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถใช้เก็บของได้พอสมควร

สำหรับบันไดจะได้เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดหน้าด้วยลูกนอนไม้แดง ราวจับเหล็ก มือจับไม้แดง สีเข้ากับตัวบันได

ชานพักบันไดแบบสี่เหลี่ยมเต็มขั้น เดินได้อย่างปลอดภัย

พื้นชั้น 2 ปูด้วยปาร์เก้ไม้มะค่าเข้าลิ้น

บริเวณโถงบันไดจะมีช่องแสงบานใหญ่ติดตั้งมาให้ เป็นบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้และรับแสงธรรมชาติเข้ามาในส่วนโถงบันไดได้เยอะ ทำให้ห้องสว่างในเวลากลางวัน

ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับพื้นที่โถงพักผ่อน และห้องนอน 3 ห้อง

สำหรับในบ้านตัวอย่าง ทางโครงการจะขยายส่วนโถงพักผ่อน โดยการรวบห้องนอนรองฝั่งหลังบ้านให้เป็นส่วนห้องทำงานที่ต่ออยู่กับโถงนั่งเล่น ทำให้มีพื้นที่ส่วนกลางของบ้านเพิ่มขึ้นค่ะ

มุมทำงานที่ได้รวมส่วนห้องนอนไว้กับโถงพักผ่อนด้านนอก จะมีช่องแสงมาให้ 2 บาน เป็นหน้าต่างบานเลื่อนและบานกระทุ้ง

สำหรับห้องน้ำที่เราเห็นในโถงพักผ่อน จริงๆแล้วคือห้องน้ำในตัวของห้องนอนรองนะคะ

ภายในห้องน้ำติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบชุด แยกส่วนแห้ง ส่วนเปียก

อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ระยะการใช้งานสะดวก

ภายในห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัว Hand Shower มีช่องวางของด้านหลัง 2 ช่อง และมีช่องแสงในห้องอาบน้ำ 1 บาน

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1.1 x 0.9 เมตร พอให้ยืนอาบน้ำได้สะดวก พื้นลดระดับลงไปประมาณ 6 ซม.

จากส่วนโถงพักผ่อนด้านนอก เราไปดูในส่วนของห้องนอนอีก 2 ห้องกันต่อ

เริ่มที่ห้องนอนรองที่อยู่ติดกับบันได โดยบานประตูในบ้านมาตรฐานที่ได้ จะได้เป็นบาน HDF

เข้ามาภายในห้องจะมีขนาดค่อนข้างกว้าง มีห้องน้ำในตัว จากในบ้านตัวอย่างจะเห็นว่าสามารถจัดพื้นที่แยกเป็นทั้งส่วนห้องนอนและพื้นที่นั่งทำงานได้

พื้นที่ส่วนห้องทำงานจัดแบ่งจากส่วนห้องนอนโดยใช้ฉากกั้นแบบฉลุโปร่ง พื้นที่การใช้งานพอใช้งานได้สบายๆ

ส่วนมุมห้องนอนจะตกแต่งโดยการยกระดับพื้นขึ้นมานิดหน่อย

จะสังเกตว่าห้องนี้จะได้ช่องแสงมาเยอะพอสมควร ประมาณ 4 บาน ทั้งหน้าต่างบานเลื่อนและบานกระทุ้ง ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในห้องได้เยอะ และสามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้

เตียงที่ทางโครงการจัดมาให้ดูเป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต จะสามารถวางลงในมุมนี้ของห้องได้พอดี แต่ถ้าจะใช้เตียงขนาดใหญ่กว่านี้ก็จะต้องจัดไว้ทางฝั่งมุมทำงานแทนค่ะ

มุมจากภายในส่วนห้องนอนมองย้อนไปทางประตูทางเข้าห้อง

กลับมาดูที่ส่วนห้องน้ำ บริเวณหน้าห้องน้ำจะสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ได้

เข้าไปดูในห้องน้ำต่อ

ภายในห้องน้ำติดตั้งสุขภัณฑ์มาครบชุด แยกส่วนแห้งส่วนเปียก

ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวและมีช่องวางของ 2 ช่อง

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.9 x 1 เมตร พอให้ยืนอาบได้สะดวก พื้นลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.

ช่องแสงของห้องน้ำห้องนี้ จะอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์

ถัดมา เรามาดูในส่วนของห้อง Master Bedroom กันต่อ

ภายในห้อง Master Bedroom จะเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบ้าน มีห้องน้ำและระเบียงในตัว สามารถแบ่งพื้นที่เป็นทั้งโซนห้องนอน, ห้อง Walk – in Closet และมุมทำงานได้

เรามาดูในส่วนห้องนอนกันก่อน

พื้นที่ส่วนห้องนอน สามารถวางเตียงขนาดคิงส์ไซส์ได้สบายๆ และยังเหลือที่ว่างข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ 2 ฝั่ง

ฝั่งปลายเตียงจะเหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เก็บของ และมีระยะเหลือให้เดินผ่านได้สบายๆ

จากห้องนอนจะเชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอกได้ โดยบานประตูได้เป็นบานเลื่อน ขนาดใหญ่ 2 คู่ ซึ่งบานประตูนี้เป็นช่องแสงหลักของห้องนอนด้วยเช่นกัน

พื้นระเบียงภายนอกปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ราวกันตกกระจกใส

ขนาดระเบียงค่อนข้างกว้าง สามารถวางชุดโต๊ะทานกาแฟได้

กลับเข้ามาในห้อง อีกฝั่งจะเป็นห้อง Walk – in Closet และห้องน้ำ

พื้นที่ส่วน Walk – in Closet ที่ทางโครงการจัดมาให้ดูจะถูกจัดมาเป็น 2 ส่วน คือฝั่งขวาเป็นมุมตู้เสื้อผ้า/ห้องแต่งตัวและทางซ้ายเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง

เราเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อ

ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ขนาดกว้าง แยกส่วนแห้ง – ส่วนเปียก

อ่างล้างมือแบบฝังเคาน์เตอร์พร้อมลิ้นชักเก็บของ 2 ลิ้นชัก

ส่วนโถสุขภัณฑ์ในห้อง Master Bedroom เป็นแบบ Automatic

อีกด้านเป็นโซนพื้นที่อาบน้ำ มีอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำแยกมาให้

ชุดอ่างอาบน้ำและฝักบัวได้ของ Kasch

ภายในห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Rain Shower และ Hand Shower

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.9 x 0.9 เมตร พอยืนอาบได้สะดวก

บ้านตัวอย่างแบบที่ 2 แบบบ้าน Bibury พื้นที่ใช้สอย 392 ตร.ม. 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 5 ที่จอดรถ, Double Living, ครัวไทย, ส่วนรับประทานอาหาร, ครัวไทยและพื้นที่พักผ่อนชั้นบน

หน้าตาตัวบ้านโดยรวมจะเหมือนบ้านแบบที่แล้ว แต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยด้านในเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นค่ะ

แปลนบ้านชั้น 1 เมื่อเข้ามาในพื้นที่บ้านจะเจอกับที่จอดรถขนาด 5 จอด พื้นที่จากส่วนที่จอดรถมีพื้นต่อเนื่องไปยังส่วนลานซักล้างหลังบ้านและส่วนห้องพักแม่บ้าน

ทางเข้าตัวบ้านจะมี 2 ทาง คือทางเข้าหลักหน้าบ้านและทางเข้ารองจากที่จอดรถ เมื่อเข้าไปภายในตัวบ้านส่วนแรกจะเจอกับพื้นที่โถงห้องรับแขก ถัดไปเป็นโซนของห้องทานอาหารขนาดใหญ่

จากส่วนห้องทานอาหารจะมีโถงทางเดิน เชื่อมไปยังห้องเอนกประสงค์ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้, ห้องครัว, โถงบันไดและห้องน้ำรับรองชั้น 1

แปลนบ้านชั้น 2 ขึ้นมาจะเจอกับส่วนโถงบันได และโถงพักผ่อน ที่สามารถใช้เป็น Family Area ได้ และจากพื้นที่โถงด้านนอกจะเชื่อมไปยังห้องนอนทั้ง 3 ห้อง โดยทุกห้องมีห้องน้ำในตัว

เข้ามาภายในบ้าน ส่วนแรกจะเป็นที่จอดรถ ขนาด 5 จอด พื้นเป็นทรายล้าง

ภาพรวมจากบริเวณที่จอดรถเชื่อมไปยังสวนหน้าบ้าน มีทางเข้าตัวบ้าน 2 ทาง คือจากที่จอดรถและประตูทางเข้าหลักหน้าบ้าน

นอกจากทางเข้าปกติแล้ว ก็จะมีทาง Slope สำหรับวีลแชร์ขึ้นไปเข้าทางประตูทางเข้าหลักของบ้าน

ภาพรวมซุ้มทางเข้าหลักหน้าบ้าน

มุมข้างบ้านติดกับห้องรับแขกจะสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นในสวนได้ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ในบ้านได้ด้วยประตูบานเลื่อนที่เราเห็น สามารถเปิดเพื่อเพิ่มความ Flow ของท้ัง 2 ส่วน

พื้นที่หลังบ้านจะมีบางส่วนเป็นสวนย่อมๆ มีประตูบานเลื่อนเชื่อมไปยังในห้องทานอาหาร

พื้นที่หลังบ้านอีกด้านจะเป็นลานซักล้าง มีประตูทางเข้าส่วนครัวและห้องพักผ่อนแม่บ้าน

พื้นปูกระเบื้องเซรามิคสีครีม ยกระดับขึ้นมาจากพื้นสวนประมาณ 10 ซม.

เฉลียงส่วนหน้าบ้านกว้าง ยกระดับขึ้นมา 2 Steps สามารถวางชั้นวางรองเท้าหรือม้านั่งสำหรับนั่งใส่รองเท้าหน้าบ้านได้

ภายในบ้านส่วนแรกจะเป็นส่วนของห้องรับแขก มองตรงไปเป็นส่วนของห้องทานอาหาร ความสูงฝ้าเพดาน 2.80 เมตร พื้นปูกระเบื้องเซรามิค

ภายในห้องรับแขกส่วนแรกนี้จะมีช่องแสงติดตั้งมาให้ทั้งฝั่งข้างบ้านและหน้าบ้าน เป็นหน้าต่างบานเลื่อน บานกรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีเทา กระจกเขียวตัดแสง หนา 6 มม.

พื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น สามารถที่จะวางโซฟาขนาด 4 – 6 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้ สบายๆ

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งทีวี มีระยะดูทีวีประมาณ 2.8 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 55″ – 60″ จะได้ระยะดูทีวีที่เหมาะสม

ถัดจากห้องนั่งเล่นจะเป็นส่วนของห้องทานอาหาร ซึ่งในบ้านมาตรฐานจะเป็นโถงโล่งเชื่อมต่อกันไป แต่ในบ้านมาตรฐานที่เราเห็น จะมีผนังกั้นห้องเพิ่มเข้ามา เป็นไอเดียการตกแต่งที่จะแบ่งพื้นที่แต่ละโซนให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยการใช้เป็นผนังที่ตีช่องโปร่งๆ แบบนี้จะช่วยให้ห้องแยกเป็นสัดส่วน แต่ยังได้ความโปร่งอยู่ด้วยค่ะ

เข้ามาภายในห้องทานอาหารขนาดใหญ่ ฝั่งซ้ายมือเป็นโถงทางเดิน

บรรยากาศภายในโถงห้องทานอาหารกว้างขวาง มีช่องแสงเชื่อมออกไปยังสวนทั้งฝั่งข้างบ้านและหลังบ้าน

ขนาดพื้นที่ในห้องทานอาหารสามารถที่จะวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 – 10 ที่นั่งได้

จากส่วนห้องทานอาหาร มองไปอีกฝั่งจะเห็นโถงทางเดินที่เชื่อมไปยังห้องเอนกประสงค์, ห้องครัว, ห้องน้ำ และโถงบันได

เข้ามาดูในส่วนของห้องเอนกประสงค์กันก่อน

ภายในห้องจะมีขนาดกว้างขวาง สามารถจัดเป็นห้องนอนวิวสวน หรือจัดเป็นห้องอ่านหนังสือ หรือห้องทำงานได้ค่ะ

ขนาดเตียงสามารถใช้เตียงคิงส์ไซส์ได้สบายๆ

พื้นที่ปลายเตียงเหลือพอให้ติดตั้งโต๊ะทำงาน และยังเหลือระยะการใช้งานพอเหมาะ

กลับออกมาที่โถงทางเดิน เราไปดูส่วนอื่นๆกันต่อ

ทางขวามือเป็นห้องน้ำชั้น 1

เข้ามาภายในห้องน้ำจะติดตั้งสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ TOTO มาให้ครบชุด แยกส่วนแห้งส่วนเปียก แต่ในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้ Shower Box มานะคะ

ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower ขนาดค่อนข้างใหญ่ ผนังด้านหลังทำเป็นช่องให้ใช้วางอุปกรณ์อาบน้ำ

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1.4 x 0.9 เมตร พอให้ยืนอาบได้สะดวก

ถัดเข้ามาด้านในสุดของโถงทางเดิน จะเป็นส่วนห้องครัว

เข้ามาภายในห้องส่วนแรกจะเป็นจุดติดตั้งตู้เย็น

ขนาดห้องครัวกว้างขวาง สามารถติดเคาน์เตอร์ได้รอบห้อง และใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมในครอบครัวได้ทุกวันหยุด

อีกมุมภายในห้องครัว

ระยะยืนทำครัวเหลือประมาณ 1.4 เมตร

มาในส่วนของโถงบันได จะมีห้องเก็บของใต้บันได ขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถใช้เก็บของได้พอสมควร ตัวบันไดจะได้เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดหน้าด้วยลูกนอนไม้แดง ราวจับเหล็ก มือจับไม้แดง สีเข้ากับตัวบันได

โถงบันไดสูง มีช่องแสง 1 บาน แนะนำให้ติดโคมไฟเพิ่มเติม จะได้เดินสะดวกในเวลากลางคืน

ชานพักบันไดแบบสี่เหลี่ยมเต็มขั้น เดินได้อย่างปลอดภัย

บริเวณโถงบันไดจะมีช่องแสงติดตั้งมาให้ 1 จุด

เป็นบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้และรับแสงธรรมชาติเข้ามาในส่วนโถงบันไดได้เยอะ ทำให้ห้องสว่างในเวลากลางวัน

ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับพื้นที่โถงพักผ่อน และห้องนอน 3 ห้อง

ภายในโถงพักผ่อนจะมีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 3 บาน พื้นที่โถงสามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่นของครอบครัว หรือมุมอ่านหนังสือได้

จากโถงพักผ่อนด้านนอก เราจะเริ่มไปดูห้องนอนทั้ง 3 ห้องกันต่อ

เริ่มที่ห้องนอนรองที่อยู่ติดกับบันได โดยบานประตูในบ้านมาตรฐานที่ได้ จะได้เป็นบาน HDF

เข้ามาภายในห้อง จะเป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้งานพอสมควร มีห้องน้ำในตัวและมีส่วน Walk- in Closet แยก

ช่องแสงภายในห้องเป็นหน้าต่างบานเลื่อน 2 คู่

ขนาดเตียงสามารถวางเตียงคิงส์ไซส์ได้ค่ะ

มุมปลายเตียงสามารถวางตู้เก็บของและจัดเป็นมุมนั่งทำงานเพิ่ม

เข้ามาดูภายในส่วน Walk – in Closet เป็นพื้นที่โถงแต่งตัวหน้าห้องน้ำ มีช่องแสง 1 บาน ให้ภายในส่วนนี้ได้แสงธรรมชาติ ช่วยให้แต่งหน้าง่ายขึ้นด้วยค่ะ

เข้ามาดูภายในห้องน้ำติดตั้งสุขภัณฑ์มาครบชุด แยกส่วนแห้งส่วนเปียก

ฝั่งซ้ายมือเป็นอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงา และขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์และช่องแสง 1 บาน

ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวและมีช่องวางของ 2 ช่อง

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1.5 x 0.8 เมตร พอให้ยืนอาบได้สะดวก พื้นลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.

ถัดมา เรามาดูภายในห้องนอนรองห้องที่ 2 กันต่อ

ห้องนี้จะมีขนาดกว้างกว่าห้องที่แล้ว ในบ้านมาตรฐานจะมีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนมาให้ 3 คู่ ช่วยให้ห้องสว่างและโปร่งโล่ง

ขนาดเตียงสามารถที่จะใช้เตียงคิงส์ไซส์ได้สบายๆ

พื้นที่บรเวณปลายเตียงสามารถวางโต๊ะทำงานหรือตู้เก็บของได้

ระยะการใช้งานบริเวณปลายเตียงเหลือพอสมควร

พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งจะเป็นส่วน Walk – in Closet

ติดกันเป็นห้องน้ำในตัว

ภายในห้องน้ำติดตั้งสุขภัณฑ์มาครบชุด แยกส่วนแห้งส่วนเปียก มีช่องแสง 1 จุด ในห้องอาบน้ำ

อ่างล้างมือได้เป็นอ่างฝังเคาน์เตอร์ มีพื้นที่ข้างอ่างให้วางของได้

ส่วนโถสุขภัณฑ์จะอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำ

ภายในห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.9 x 0.9 เมตร พอยืนอาบได้สะดวก

ถัดมา เรามาดูในส่วนของห้อง Master Bedroom กันต่อ

ภายในห้อง Master Bedroom จะเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบ้าน มีห้องน้ำและระเบียงในตัว สามารถแบ่งพื้นที่เป็นทั้งโซนห้องนอนและ ห้อง Walk – in Closet ได้

พื้นที่ส่วนห้องนอน สามารถวางเตียงขนาดคิงส์ไซส์ได้สบายๆ และยังเหลือที่ว่างข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ 2 ฝั่ง

จากห้องนอนจะเชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอกได้ โดยบานประตูได้เป็นบานเลื่อน ขนาดใหญ่ 2 คู่ ซึ่งบานประตูนี้เป็นช่องแสงหลักของห้องนอนด้วยเช่นกัน

พื้นระเบียงภายนอกปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ราวกันตกกระจกใส

ขนาดระเบียงค่อนข้างกว้าง สามารถวางชุดเก้าอี้นั่งพักผ่อนหรือชุดโต๊ะทานกาแฟได้

กลับเข้ามาในห้อง อีกฝั่งจะเป็นห้อง Walk – in Closet และห้องน้ำ

เข้ามาดูด้านในส่วน Walk – in Closet จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ทางซ้ายคือห้องน้ำ ทางขวาคือโถงห้องแต่งตัว

เรามาดูในส่วห้องแต่งตัวก่อน

จะเห้นว่าส่วนห้องแต่งตัวมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่มีชุดเยอะๆ

ช่องแสงในห้องนี้ได้เป็นบานกระทุ้ง และบานฟิกซ์แบบเข้ามุม ทำให้ห้องได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาเยอะเลย

กลับมาอีกฝั่ง เราเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อ

ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยโทนสีเทาทั้งห้อง แยกส่วนแห้ง – ส่วนเปียก

อ่างล้างมือแบบฝังเคาน์เตอร์พร้อมลิ้นชักเก็บของ 2 ลิ้นชัก ด้านบนมีพื้นที่วางของพอสมควร

ส่วนโถสุขภัณฑ์ในห้อง Master Bedroom เป็นแบบ Automatic

อีกด้านเป็นโซนพื้นที่อาบน้ำ มีอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำแยกมาให้ ช่องแสงภายในห้องนี้ได้มา 2 บาน

ภายในห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Rain Shower และ Hand Shower

ราคา

• แบบบ้าน Ablington พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม. ที่ดิน 104.1 ตร.วา ราคา 19.50 ล้านบาท
  • เงินจอง 300,000 บาท
  • ทำสัญญา 3.6 ล้านบาท
• แบบบ้าน Ablington พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม. ที่ดิน 104.9 ตร.วา ราคา 20.90 ล้านบาท
  • เงินจอง 300,000 บาท
  • ทำสัญญา 3.88 ล้านบาท
• แบบบ้าน Bibury พื้นที่ใช้สอย 392 ตร.ม. ที่ดิน 113.1 ตร.วา ราคา 23.50 ล้านบาท
  • เงินจอง 300,000 บาท
  • ทำสัญญา 4.38 ล้านบาท

• ค่าส่วนกลาง 93 บาท/ตร.วา/เดือน เก็บล่วงหน้า 2 ปี

• โปรโมชั่น ติดตั้ง CCTV และเครื่องปรับอากาศทั้งหลัง

สรุป

ทำเล : ตัวโครงการ Bangkok Boulevard Signature ราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ติดถนนราชพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าถนนนครอินทร์ สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัวสูง โดยรวมแล้วโซนนี้จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูๆ ทำให้โซนนี้มีการพัฒนามาตลอดและมีแนวโน้มที่ความคึกคักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต

ความอุดมสมบูรณ์สูงทั้งร้านอาหารเล็กๆไปจนถึงร้านดีๆ แต่ยังไม่มีห้างใหญ่ใกล้ๆ หน้าโครงการมีปั๊มบางจากซึ่งในปั๊มก็จะมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ใกล้ๆโครงการมี Home Pro ฝั่งตรงข้ามมี Pure Place เป็น Community Mall หน้าหมู่บ้านสัมมากร

ส่วนความอุดมสมบูรณ์โดยรวมของโซนนี้จะมีให้เลือกหลากหลายส่วนใหญ่เป็น Community และ Avenue ให้เลือกหลากหลาย เช่น The Walk, The Circle, HomePro ส่วนความอุดมสมบูรณ์อื่นๆ จะมีหลากหลายโซนทั้งโซนบางใหญ่ มี Central West Gate, Lotus Plus Mall, Index Living Mall โซนแจ้งวัฒนะ จะมีห้างใหญ่ๆอย่าง Central แจ้งวัฒนะ, Big C, HomePro, Tesco Lotus

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : สะดวกทั้งขาเข้าและออกเมือง แต่รถค่อนข้างติดโดยเฉพาะในช่วเวลาเร่งด่วน โดยหลักๆสามารถใช้เส้นราชพฤกษ์ วิ่งเข้าถนนสายสำคัญหลายสายอย่าง ถนนชัยพฤกษ์, ถนนรัตนาธิเบศร์, ถนนนครอินทร์, ถนนบรมราชชนนี, ถนนเพชรเกษม ยาวลงไปถึงถนนกัลปพฤกษ์

การวิ่งเข้าเมืองสามารถใช้สะพานพระราม 4 และสะพานพระนั่งเกล้า โดยสะพานพระนั่งเกล้า จะข้ามไปลงถนนรัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน ไปทางพหลโยธิน ขึ้นทางพิเศษศรีรัชเข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวก ส่วนสะพานพระราม 4 ใช้วิ่งไปห้าแยกปากเกร็ด ยาวไปเส้นพหลโยธิน ไฟดอนเมืองหรือโซนจตุจักรสะดวก หรือจะวิ่งยาวลงมาข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็สามารถเข้าสู่สาทรได้เลย

การเดินทางโดยรถสาธารณะ : จริงๆแล้วทำเลโซนนี้เหมาะกับคนที่มีรถส่วนตัวมากกว่าค่ะ แต่ถ้าจะใช้รถสาธารณะ ที่สะดวกจากตัวโครงการก็สามารถออกมาเรียกรถ Taxi ได้บนถนนราชพฤกษ์ มีวิ่งผ่านไปมาเยอะค่ะ

ส่วนรถไฟฟ้าที่พร้อมใช้งานในปัจจุบันจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางรักน้อย – ท่าอิฐ ห่างจากโครงการประมาณ 4.7 กม. ซึ่งจะมีอาคารจอดแล้วจร รองรับอยู่ประมาณ 1,071 คัน สามารถมาจรทิ้งไว้แล้วนั่งรถไฟฟ้าได้ค่ะ

ส่วนในอนาคตจะมี สถานีรถไฟฟ้า สายสีชมพู โดยสถานีใกล้สุดคือสถานีปากเกร็ดตรงห้าแยกปากเกร็ด ระยะทางจากโครงการถึงห้าแยกปากเกร็ดประมาณ 5.8 กม. แต่ยังสร้างไม่เสร็จนะ ตามแผนจะแล้วเสร็จประมาณ มิถุนายน 2563 ค่ะ

การออกแบบโครงการ และวัสดุ : ตัวโครงการเป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูสไตล์ Luxury English Village ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองท่องเที่ยวทั่วโลก สำหรับโครงการนี้จะได้รับแรงบันดาลใจทั้งการออกแบบบรรยากาศในโครงการและตัวบ้าน จากหมู่บ้าน Bibury ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านสวยที่สุดในประเทศอังกฤษที่ มีแม่น้ำสายเล็กๆไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อน และด้วยตัวโครงการเป็นโครงการขนาดเล็ก มีเพียง 15 ยูนิต บนพื้นที่ประมาณ 7 – 0 -71.9 ไร่ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีความเงียบสงบ

ตัวบ้านออกแบบมามี Charactor เหมือนกระท่อมสไตล์ยุโรป ด้วยหลังคาทรงจั่วสูง หน้าบ้านตกแต่งด้วยหิน มีช่องประตู-หน้าต่างขนาดใหญ่รอบบ้านทำให้บ้านดูโปร่งโล่ง, ฝ้าเพดานสูง และมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ สามารถจัดฟังก์ชั่นได้ตามใจชอบ ห้องนอนใหญ่มีจุดเด่นที่ฝ้าเพดานสูงตามความลาดของหลังคา ห้องนอนรองก็มีขนาดใหญ่ สามารถใส่ฟังก์ชั่นได้ครบ มีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัวทุกห้อง

วัสดุของบ้านรวมถึงสุขภัณฑ์ที่ได้มาก็เหมาะสมกับราคา มีความสวยงาม, ดูหรูหรา และคุณภาพดี ได้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Triple Security พร้อมหน้าจอแสดงผลติดตั้งไว้ให้บริเวณโถงบันได โดยบ้านในโครงการก่ออิฐมวลเบา, พื้นบ้านใช้กระเบื้องเซรามิคลายหินอ่อน, กระเบื้องเซรามิค และพื้นปาร์เก้ไม้มะค่า ได้ไฟดาวน์ไลท์ทั้งหลัง สุขภัณฑ์ใช้ของ TOTO แยกส่วนแห้งส่วนเปียก แต่ไม่มี Shower Box และได้โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet ที่ห้องนอน Master Bedroom

สาธารณูปโภค : ถึงจะเป็นโครงการที่มีเพียง 15 ยูนิต แต่ทางโครงการก็จัดสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้อย่างครบครันทั้ง คลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้องรับรองอเนกประสงค์ และสวนสาธารณะที่ออกแบบมาตามแบบสถาปัตยกรรมในหมู่บ้าน Bibury โดยเน้นการออกแบบตาม Universal Design คนทุกเพศทุกวัยสามารถใช้งานได้ โดยบรรยากาศถือว่าทำออกมาได้สวยงามดี ขนาดส่วนกลางของโครงการเมื่อเทียบกับปริมาณยูนิตแล้วถือว่าเหลือเฟือค่ะ

ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยมีตลอด 24 ชม. ซุ้มทางเข้าหน้าโครงการใช้ระบบ Access Control แบบ Easy Pass ในการเข้า-ออกตัวโครงการ และติดตั้งสัญญาณกันขโมยให้ภายในบ้านอีกชั้น คือ ระบบ Magnetic และ Shock Sensor อีกทั้งยังล้อมรั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรพร้อมเหล็กแหลม ติดตั้ง CCTV ทุกจุดสำคัญทั่วโครงการค่ะ

คะแนน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Tel : 1749

Website : www.scasset.com

ากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ

และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ

SC ประกาศโรดแมป 3 ปี “SC RE-INVENTION 2020″ ก้าวสู่การเป็น LIVING SOLUTIONS PROVIDER มั่นใจกวาดยอดขายรวมสามปี มากกว่า 60,000 ลบ. และรุกเปิด 19 โครงการใหม่ 19,000 ลบ. ในปี 2018

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า ในปัจจุบัน digital technology ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากเกิดการเชื่อมต่ออุตสาหกรรมต่างๆเข้าด้วยกัน เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือไปจาก product และ services คือ platforms และ solutions เกิดการทำงานร่วมกันของ 3 กลุ่ม นั่นคือ

กลุ่ม 1 incoumbents และ stakeholders เดิมในอุตสาหกรรมเดิม (ซึ่ง SC ASSET ก็อยู่ในกลุ่มนี้)
กลุ่ม 2 tech entrepreneurs ทำงานเร็วและเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะอย่าง
กลุ่ม 3 digital giants บริษัทที่มีเทคโนโลยีขนาดใหญ่ประกอบธุรกิจที่หลากหลายมีการเชื่อมต่ออุตสาหกรรมต่างๆเข้าด้วยกัน

โรดแมปสามปี SC RE-INVENTION 2020 ตั้งเป้าหายยอดขาย 24,000 ล้านบาท รายได้ 22,000 ล้านบาทในปี 2020 และยอดขายรวม 3 ปี 2018-2020 มากกว่า 60,000 ล้านบาท โดยปรับวิธีคิดจากการเป็น Developer ก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider พร้อมร่วมทำงานกับ partners ที่หลากหลาย โดยมีกลยุทธ์ 4 ข้อ คือ

1. RE-INVENTION การปรับวิธีคิด ผ่าน 3D

– D1 DIGITIZE ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานจากระบบ analog เป็น digital เพื่อจะได้นำข้อมูลที่ได้จากการทำงานและความต้องการของลูกค้ามาวิเคราะห์และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
– D2 DESIGN ออกแบบสินค้า บริการ และโซลูชั่น ที่ตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตของลูกค้า
– D3 DEVELOP ประสานนวัตกรรมเข้ากับที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเป็น Living Solutions เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้า

2. C0-CREATION ทำงานร่วมกับ partners ที่หลากหลาย อาทิ บริษัท Fire One One ที่ปรึกษาด้านธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นต้น

3. QUALITY FIRST คุณภาพสินค้าและบริการหลังการขาย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

– pre-transfer จะขยายขนาด partners ให้เติบโตไปกับ SC โดยมุ่งสร้างคุณภาพและทีมเวิร์คพร้อมกับทำ TQM ซึ่งทางบริษัทฯได้ทำมาโดยตลอดเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดให้ลดน้อยลง พร้อมทั้งจะมีการใช้ระบบ BIM การทำโมเดล 3 มิติในทุกโครงการของ SC โดยทุกคนจะทำงานร่วมกันในไฟล์เดียวทั้งสถาปนิกและวิศวกร เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง ลดใช้จ่ายในการก่อสร้าง และได้งานมีคุณภาพ

– after-transfer ทางบริษัทฯมีการจัดตั้ง SC ABLE ขึ้นเพื่อดูแลเรื่องการบริการหลังการขายโดยจะมีช่างจำนวนมากที่มีความพร้อมในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมี Application ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าคือ Baan Rue Jai

4. TOP-LINE GROWTH รวม 3 ปี จะสร้างยอดขาย 60,000 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 20% เติบโตทั้งในส่วน top-line ทั้งยอดขายและรายได้

อสังหาฯเพื่อขายแบ่งออกเป็นแนวราบและแนวสูง

– แนวราบ ยังคงเป็นผู้นำบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท กับ ทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาท ในปี 2020 สัดส่วนมูลค่ายอดขายแนวราบ กรุงเทพฯและต่างจังหวัดของ SC อยู่ที่ 90 : 10 (โดยปีนี้จะเป็นปีแรกที่เปิดโครงการในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา)

– แนวสูง SC ได้ร่วมทุนกับ SCOPE โดย sc ถือหุ้น 90% คุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ถือหุ้น 10% พัฒนาโครงการใหม่ในสามปีนี้ร่วม 10 กว่าโครงการ สัดส่วนรายได้หลักมาจากการโอนของ 3 โครงการ super luxury คือ SALADAENG ONE, BEATNIQ และ 28 CHIDLOM

เป้าหมายยอดขายและรายได้ปี 2018 อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท ยอดขายเติบโตประมาณ 11% และเตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่า 19,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นแนวราบ 17โครงการมุลค่า 15,000 ล้านบาท และแนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ) พร้อมทั้งเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินในปีนี้ 10,000 ล้านบาท

ในปี 2018 นี้ โครงการ hi-light สำหรับแนวราบคือ township concept development จำนวน 2 โครงการ บนทำเลกรุงเทพตะวันออกบริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 115 ไร่ และกรุงเทพตะวันตก บางกระดี จ.ปทุมธานี จำนวนกว่า 200 ไร่ (มีประมาณ 7โครงการ ซึ่งจะออกแบบในรูปแบบของ Living Community)

สำหรับแนวสูง โครงการที่จะเปิดพรีเซลส์ในเดือนมีนาคม 2018 นี้คือ โครงการ CENTRIC รัชโยธิน ทำเลใกล้ BTS รัชโยธินเพียง 150 เมตร เป็นอาคารสูง 21 ชั้น ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท และ โครงการ THE CREST สุขุมวิท 23 บนทำเลใกล้ BTS อโศก เพียง 400 เมตร มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยจะเปิดขายประมาณไตรมาสที่สี่ของปี

ในปี 2017 ที่ผ่านมา SC สร้างสถิติยอดขายรวม 15,278 ล้านบาท และยอดขายแนวราบ 10,547 ล้านบาท ครอง market share อันดับ 1 บ้านเดี่ยวราคามากกว่า 15 ล้านบาท และอันดับ 2 บ้านเดี่ยวรวมทุกระดับราคา แสดงถึงความมั่นใจที่ลูกค้ามีต่อเรา สอดคล้องกับภารกิจของ SC ที่ต้องการสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีที่มีคุณภาพออกแบบเป็น Living Solutions เพื่อส่งต่อที่อยู่อาศัยให้กับผู้อยู่อาศัยและสังคมโดยรอบ

SC ASSET จัดงาน Rise of Bangkok Boulevard เปิดจองบ้านหรูนิวซีรี่ส์สไตล์ Nordic 6 ทำเลสวย สุดพิเศษรับ Exclusive Trip 24-25 ก.พ.นี้

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดจองบ้านหรูนิวซีรี่ส์สไตล์ “Nordic” ภายใต้โครงการ Bangkok Boulevard  6 ทำเลสวย ในงาน “Rise of Bangkok Boulevard”  เริ่มต้น 7-25 ล้านบาท

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่จองภายในงาน 24-25 ก.พ.นี้ รับทันที! นอร์ดิกเอ็กซ์คลูซีฟทริป ท่องเที่ยวดินแดนที่มีความสุขที่สุดในโลก และเป็นที่สร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบบ้านเพื่อการพักผ่อนของคุณ

ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ ได้ที่ https://goo.gl/W4zg4B

รายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1749 หรือ www.scasset.com

SC ASSET พร้อมเสิร์ฟ 2 คอนโด คุ้มค่า ในทำเลสุดฮอต ดีเดย์ GRAND OPENING พร้อมกัน 24-25 ก.พ. นี้

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  นำคอนโดฯ 28 CHIDLOM (ทเวนตี้เอท ชิดลม)  และ CHAMBERS CHER (แชมเบอร์ส เฌอ) รัชดา-รามอินทรา  มอบข้อเสนอพิเศษสูงสุดในงาน GRAND OPENING  ระหว่าง  24-25 ก.พ. นี้

โครงการ 28 CHIDLOM  (ทเวนตี้เอท ชิดลม)  คอนโดฯ Limited Luxury Collection by SC ASSET บนถนนชิดลมใกล้บีทีเอสสถานีชิดลมเพียง 250 เมตร  เปิด GRAND OPENING ให้จองเฟสสุดท้ายของอาคาร The Villa ตึกใหม่ด้านหน้าโครงการ ขนาดอาคารสูง 20 ชั้น จำนวนเพียง 182 ยูนิต

นอกจากห้อง Full height สูงเท่ากับ Ceiling 3 เมตร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโครงการแล้ว ยังออกแบบส่วนกลางในอาคารเพิ่มส่วนที่นั่งพักผ่อน หรือ Reading Lounge พร้อมสระว่ายน้ำยาว 18 เมตร  โดยมีห้องให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน (37-132 ตร.ม.)

ราคา 13-50 ล้านบาท เฉพาะวันที่  24-25 ก.พ. นี้พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะ 1 Bedroom แบบ Deluxe 44-45 ตร.ม.  ตกแต่ง Fully furnished ด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์นำเข้า Brand ชั้นนำจากเดนมาร์ก  “Fritz Hansen”  มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท  พร้อมลงทะเบียนออนไลน์รับส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท*   ผ่านทางเว็ปไซต์ www.28chidlom.com

อีกโครงการคอนโดอารมณ์บ้านพร้อมอยู่  CHAMBERS CHER (แชมเบอร์ส เฌอ) รัชดา – รามอินทรา ตั้งอยู่บนถนนรัชดา – รามอินทราตัดใหม่ การเดินทางสะดวกเชื่อมต่อถนนสายหลักได้อย่างง่ายดาย

ใกล้ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ และ วงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก อีกทั้งยังใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู  พร้อมเปิดชมห้องจริงทุกยูนิต ห้องแต่งครบ ฟรีทุกรายการ* เริ่ม 2 ล้านต้น ”

โดดเด่นด้วยสไตล์ Danish Modern เน้นการออกแบบพื้นที่โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้สบายใกล้เคียงเหมือนอยู่บ้านในบรรยากาศเดนิชโมเดิร์น (Danish Modern) ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ด้วยขนาดหน้าห้องกว้างและเพดานสูง ทำให้โปร่งโล่งสบาย

พร้อมสวนคอร์ทยาร์ดส่วนกลางที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด โดดเด่นด้วยคลับเฮ้าส์ 2 ชั้น ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบเกลือ พื้นที่นั่งพักผ่อนในสวน แบบ Sunken Seat กล้องวงจรปิด CCTV, Keycard Access  และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. สำหรับลูกค้าจองในวันงาน

พบกับโปรโมชั่นสุดคุ้มกับ  โปรฯ จ่ายศูนย์บาทเข้าอยู่ได้เลย” ฟรีเงินจอง-ทำสัญญา   ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน(3 รายการ)  และ ฟรีเฟอร์นิเจอร์ พร้อมรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 20,000 บาท เมื่อลงทะเบียนออนไลน์ https://goo.gl/LYrKZT

24-25 ก.พ. นี้  ชวนเพื่อนและคนพิเศษรับโปรสุดคุ้ม ในงาน GRAND OPENING  2 คอนโดฯ 2 สไตล์ที่แตกต่าง  ณ สำนักงานขายโครงการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1749 หรือ www.scasset.com

SC ASSET สานต่อ SC Run For Good Mornings เป็นปีที่ 3  ชวนครอบครัว SC Family พร้อมคู่ค้า พนักงาน ร่วมวิ่งการกุศล

บอสหนุ่มจาก SC ASSET นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังคงสานต่อกิจกรรมดีๆ “SC Run For Good Mornings” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชวนครอบครัว SC Family พร้อมคู่ค้า พนักงานร่วมวิ่งการกุศลแบบมินิมาราธอน ‘BEAT IT! ชนะได้ถ้าไปด้วยกัน’ ด้วยการวิ่งจับคู่เข้าเส้นชัยไปด้วยกัน เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีและเป็นการสร้างสรรค์สังคมที่อบอุ่นตามแนวคิด Lively Neighbourhood โดยงานจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2560  05.00-09.00 น. ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) พร้อมกันนี้จะนำรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายบริจาคแด่มูลนิธิโรคมะเร็ง โรงพยาบาล ศิริราช  เพื่อส่งเสริมสังคมแห่งการแบ่งปันร่วมกันอีกด้วย

SC ASSET ประเดิมเปิดโครงการแรกของปี ต้อนรับการกลับมาของแบรนด์ CENTRIC กับโครงการใหม่ล่าสุด “CENTRIC รัชโยธิน” พร้อมโชว์ห้องตัวอย่างครั้งแรกและรับสิทธิพิเศษสูงสุด 10-11 มีนาคมนี้

บมจ.เอสซี แอสเสทฯ รุกแผนพัฒนาโครงการใหม่ “CENTRIC รัชโยธิน” มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ชูจัดเด่นคอนโดหรูฯ สุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางรัชโยธิน ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด สะดวกสบายทุกการอยู่อาศัย เตรียมเปิดพรีเซลล์ วันที่ 10-11 มีนาคมนี้ ที่ เซ็นทริค รัชโยธิน Sales Gallery

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยนายประยงค์ยุทธ อิทธิรัตน์ชัย รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง เผยว่า SC ได้พัฒนาตอนโดภายใต้แบรนด์ “CENTRIC” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 โครงการมูลค่าโครงการมากกว่า 18,000 ล้านบาท

ในแต่ละโครงการจะมีลักษณะการออกแบบและดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่บนทำเลที่มีการคมนาคมได้อย่างสะดวกสบายพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างภายในโครงการ ในปีนี้มั่นใจว่า โครงการ เซ็นทริค รัชโยธิน (CENTRIC Ratchayothin) จะสามารถตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้ในทุกมิติ

โครงการ เซ็นทริค รัชโยธิน (CENTRIC Ratchayothin) ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร เป็นอาคารสูง 21 ชั้น พร้อมทั้งมีพื้นที่สำหรับจอดรถ 121 คัน ชั้นพักอาศัยชั้นแรกอยู่พ้นแนวรถไฟฟ้าโดยเริ่มที่ชั้น 5 ถึงชั้น 20 พื้นที่ส่วนกลางตั้งอยู่บริเวณชั้น 4 และชั้น 21 ที่พักอาศัยมีจำนวนทั้งสิ้น 261 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยมีให้เลือก 4 แบบ ตั้งแต่พื้นที่ 24-55 ตร.ม.

แบบแรก Studio พื้นที่ใช้สอย 24และ 26 ตร.ม. , แบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม.  , แบบ 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย  34-39 ตร.ม. พร้อมแบบ 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 55 ตร.ม. ซึ่งโครงการนี้เป็นแพ็คเกจ Fully Furnished ราคาขายเฉลี่ย 165,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท

ภาพห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม.

ภาพห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34-39 ตร.ม.

โครงการ “เซ็นทริค รัชโยธิน” (CENTRIC Ratchayothin) ตั้งอยู่ท่ามกลางสถานที่อำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เมเจอร์รัชโยธิน, เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รพ.เปาโล เกษตร เป็นต้น พร้อมทั้งมีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกสบายใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีเหลือง และสายสีน้ำเงินได้อีกด้วย

ภายในโครงการ “เซ็นทริค รัชโยธิน” (CENTRIC Ratchayothin) ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยังมีพื้นที่ส่วนกลางรองรับกิจกรรมทั้ง Work, Active Relax โดยชั้น Ground ประกอบด้วย Grand Lobby, Semi Outdoor Lobby,Smart Mail Room / Smart Locker, Residence Lobby Lounge, Business & Private Meeting Room

พื้นที่ชั้น 4 จัดเป็น Podium ประกอบด้วย Triple Volume Co-Working Space (Reading Bar, Co-Working Space, Co-living Space) เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ Young entrepreneur และยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายไปกับ Co-Relaxing Space ที่ประกอบด้วย Sensational Garden และ Outdoor-dining Space ทางโครงการได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางเพื่อตอบโจทย์การพักอาศัยของคนเมืองรุ่นใหม่ ให้มีชีวิตการทำงานควบคู่ไปกับการพักอาศัยในพื้นที่เดียวกันได้

พื้นที่ชั้น 21 จัดเป็น Rooftop Facilities ประกอบด้วย infinity edge pool & Jacuzzi และ Panoramic-Sky Finess มีการออกกำลังกายบน Virtual Class Exercise Room ซึ่งมีจอมอนิเตอร์ อุปกรณ์เครื่องเสียงครบครันให้กับผู้กับอาศัยได้ใช้ในการออกกำลังกาย

CENTRIC รัชโยธิน มุ่งพัฒนา living solutions ที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้า โดยได้ผสมผสานแอพพลิเคชั่น Rue Jai Living Solutions ให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น อาทิ การควบคุมระบบเปิด/ปิดแสงสว่าง แอร์ฯ ภายในที่พักอาศัย ระบบ Motion Sensor รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย Smart security & Access control และ ตู้รับฝากของอัจฉริยะ Smart mail room และ Smart Locker  เป็นต้น

บริษัทฯมั่นใจว่า การเปิดจองพรีเซลล์ โครงการ CENTRIC รัชโยธิน ในวันที่ 10-11 มีนาคมนี้  จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะสนับสนุนให้บริษัทฯบรรลุยอดขายที่ตั้งไว้ในปี 2561 ที่ 17,000 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโต 11% จากปีก่อน

โครงการนี้มีราคาขายเฉลี่ยต่อตร.ม.อยู่ที่ 165,000 บาท ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท ในวันที่ 6 มีนาคม 2561 ทางโครงการฯจะมีการเปิดให้จองผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ในช่วงเวลา 19.00-22.0 น. โดยชั้นที่มีการให้เปิดจองได้นั้นคือ ชั้น 7,8 และ 12A

เปิดพรีเซลล์โครงการฯ ในวันที่ 10-11 มีนาคม 2561 ที่เซ็นทริค รัชโยธิน Sales Gallery รับสิทธิพิเศษสูงสุด 250,000 บาท เฉพาะในวันงาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 1749 หรือ www.scasset.com

SC ASSET สร้างปรากฎการณ์ Sold Out คอนโดใหม่ล่าสุด “CENTRIC รัชโยธิน” จากการเปิดจอง Online Speed Booking พร้อม Pre-Sales 10-11 มีนาคมนี้

นายประยงค์ยุทธ  อิทธิรัตน์ชัย  รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง บริษัท เอสซี  แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  ขอบคุณลูกค้าที่ตอบรับการเปิดตัวคอนโดใหม่ “โครงการเซ็นทริค รัชโยธิน” (CENTRIC Ratchayothin) ด้วยดี จากที่เปิดแถลงข่าวแนะนำโครงการ

และเพียงเปิดจอง Online Speed Booking  เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้สร้างปรากฏการณ์ Sold Out! ภายใน 3 ชั่วโมง (20% ของมูลค่าโครงการ)   สำหรับผู้ที่พลาดโอกาส สามารถรับสิทธิพิเศษสูงสุด 250,000 บาท *เฉพาะในงาน Presale ระหว่างวันที่ 10-11 มีนาคม 2561 ณ เซ็นทริค รัชโยธิน Sales Gallery รายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1749 หรือ  www.scasset.com

โครงการ “เซ็นทริค รัชโยธิน” (CENTRIC Ratchayothin) คอนโดใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร  สุดยอดทำเลศักยภาพ  บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ อาคารสูง 21 ชั้น จำนวน 261  ยูนิต  ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 24-55 ตารางเมตร มี 4 แบบให้เลือก

คือ แบบแรก Studio พื้นที่ใช้สอย 24 และ 26 ตร.ม. , แบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม., แบบ 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย  34-39 ตร.ม. พร้อมแบบ 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 55 ตร.ม.

ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด สะดวกสบายทุกการอยู่อาศัย พร้อมพื้นที่ส่วนกลางแบบ Triple Facilities รวมพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. รองรับกิจกรรมทั้ง Work,  Active, Relax

อีกทั้งมี Rue Jai Living Solutions  อาทิ Smart mail room และ Smart Locker ตู้รับฝากของอัจฉริยะ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้าน พร้อมมีร้านกาแฟไลฟ์สไตล์  The Box café now in the box มาให้บริการในโครงการ และความร่วมมือกับ  GRAB และ  Instawash แอพพลิเคชั่นการล้างรถมิติใหม่

“SALADAENG ONE” คอนโดหนึ่งใน Limited Luxury Collection โดย SC ASSET พร้อมมอบคุณค่าสุด Exclusive ในงาน “The Open House” 24-25 มี.ค.นี้

คุ้มค่าแก่การรอคอย…กับที่สุดแห่งโครงการคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่  SALADAENG ONE  (ศาลาแดง วัน) หนึ่งใน Limited Luxury Collection  จาก บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  ที่พร้อมเผยโฉมให้ชมครั้งแรกในงาน The Open House

ด้วยความทุ่มเทสร้างสรรค์และพิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียด จนเป็นโครงการที่มีความโดดเด่นทั้งด้านทำเล สถาปัตยกรรมและการออกแบบ โดยพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ The One That Matters ที่สื่อถึงการได้ครอบครองหนึ่งสิ่งในชีวิตที่สำคัญและมีความหมายมากกว่าทุกสิ่ง สะท้อนชัดในแง่มุมต่างๆ ดังนี้

1.ทำเลที่ตั้งของโครงการ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศาลาแดงซอย 1 เพียง 80 เมตรจากถนนพระราม 4 ใจกลาง CBD แหล่งธุรกิจและศูนย์การค้าชั้นนำ อีกทั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT ลุมพินีและสีลม เพียง 400 เมตรและ 600 เมตร กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง

นอกจากนี้ยังเข้า-ออกได้หลายเส้นทางทั้งถนนพระราม 4 สาทรและสีลมได้อย่างสะดวก ที่สำคัญโครงการยังตั้งอยู่ใกล้สวนลุมพินี ห่างเพียง 120 เมตร ทำให้เปิดรับวิวและสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติสีเขียวของสวนลุมพินีได้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นทำเลศักยภาพที่มีคุณค่าเหมาะแก่การอยู่อาศัยหรือลงทุน

2.จุดเด่นของห้องพัก คือ การออกแบบพื้นที่ให้เป็นห้องขนาดหน้ากว้างพิเศษ เพื่อเปิดรับวิวแบบ Panorama ของสวนลุมพินีได้แบบเต็มๆ ตา โดยห้องขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร จะมีหน้ากว้าง 8.10 เมตร โดยเป็นส่วนที่เปิดรับวิวในห้องนั่งเล่นกว้างถึง 4.5 เมตร

ในขณะที่ห้องมาตรฐานของโครงการทั่วไป อยู่ที่ 3.0-3.5 เมตร เมื่อรวมกับกระจกขนาดความสูงเต็มจากพื้น ถึงเพดาน ทาให้รับรู้ถึงการใช้ชีวิตในห้องที่มีขนาดใหญ่มาก

สำหรับห้องขนาด 2 ห้องนอน จะมี หน้ากว้างมากถึง 16 เมตร ซึ่งเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน ประกอบด้วย ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำพร้อม Sauna & Steam, Business Lounge และ Sky Terrace

3.ความโดดเด่นเรื่องงานสถาปัตยกรรมภายนอกและภายในอาคาร สะท้อนความเป็น THE ONE ความสง่างามเหนือกาลเวลาในสไตล์ Modern Contemporary ที่คงคอนเซปท์ Timeless  Beauty In Stillness ออกแบบในลักษณะ Horizontal Design การใช้  Facade Treatment  ที่เป็น Horizontal slab เปรียบเสมือนชั้นหินที่เรียงตัวสลับ หนาบาง ก่อขึ้นไปเป็นชั้นๆ

โดยใช้วัสดุเป็น  Aluminum Composite ลายหินอ่อนสีขาว  และ  Horizontal Facade Element  นี้ ยังทำหน้าที่เป็นชายคากันแดดและฝน และการใช้กระจกแผ่นใหญ่แต่ละห้อง สร้าง Reflection แสงแดดยามตกกระทบลงอาคารได้อย่างแตกต่างในแต่ละช่วงเวลา สะท้อนถึงความหรูหราที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี

4.ความประณีตและความเป็น Detailed Luxury  อีกหนึ่งของความเป็น THE ONE  กับการออกแบบภายในห้องที่เป็นจุดเด่นของโครงการ SALADAENG ONE อยู่ที่ความประณีตและความเป็น Detailed Luxury  อาทิ  ทางเข้าห้องที่ประตูยังทำเป็นมุมหลบเข้าไปไม่ให้เห็นวงกบประตูยื่นมาให้เกะกะสายตา การออกแบบ Grill Air Design แบบ Seamless ทำสีให้กลมกลืนไปกับฝ้า

รวมถึงขอบบัวแบบฝังเข้าใน ทำให้ไม่มีปัญหาการดันเฟอร์ฯลอยตัวให้เข้าไปชิดขอบกับกำแพง  ประตูทางเข้าและแม้แต่ประตูห้องนอนสูง 2.7 เมตร การเน้นคุม Theme สีวงกบประตู หน้าต่าง เป็นน้ำตาลทองเมทาลิคแบบเดียวกัน แม้กระทั่งกรอบกระจกกั้นห้องอาบน้ำไม่ได้ใช้แบบสำเร็จรูปแต่ใช้สีน้ำตาลทองเมทาลิคแบบเดียวกับวงกบประตู  หน้าต่าง  และการใช้  Indirect lighting ที่ระเบียง

โครงการ SALADAENG ONE กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ในเดือนพ.ค. นี้เป็นต้นไป โดยพร้อมที่จะมอบประสบการณ์จริงสะท้อนความเป็น The One That Matters ที่สุดของคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่  บนที่สุดแห่งทำเลศาลาแดง ในงาน The Open House  24-25 มี.ค.นี้

อีกทั้งเพื่อมอบคุณค่าแห่งความเป็นหนึ่งจึงสร้างสรรค์ Photo Exhibition “The One That Matters” ภาพบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังของงานระดับมาสเตอร์พีซ สะท้อนความเป็น Craftsmanship ให้ได้ชมพร้อมกัน  ณ บริเวณ Open Well Hall ชั้น 5 โครงการ “ SALADAENG ONE” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม www.saladaengone.com  หรือโทร.1749

EP.1038 รีวิว คอนโด แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา Chambers Cher Ratchada – Ramintra

สวัสดีค่ะผู้อ่านชาว Homenayoo ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพามาชมโครงการ Chambers Cher รัชดา – รามอินทรา จาก SC ASSET กันค่ะ ตัวโครงการ ตั้งอยู่บนถนนรัชดา – รามอินทรา แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. สามารถเดินทางได้สะดวกเชื่อมต่อถนนสายหลักได้อย่างง่ายดาย อยู่ใกล้ทั้งทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ และวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก อีกทั้งยังใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าวงแหวนตะวันออกในระยะ 5.0 กม.ซึ่งจะเปิดใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้ สิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการอยู่อาศัยให้เลือกช้อป เลือกชิล ทั้งแฟชั่นและความอร่อย

แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มี 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 4-1-85.2 ไร่ คอนโดอารมณ์บ้าน สไลต์ Danish Modern ที่เน้นการออกแบบให้พื้นที่การใช้ชีวิตอบอุ่นเป็นกันเอง และกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ด้วยห้องชุดพักอาศัย ที่มีหน้าห้องที่กว้างกว่า จำนวน 252 ยูนิต เป็นห้อง 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้นที่ 33 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเครื่องปรับอากาศ เรียกว่าหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย ปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน อาทิ Lobby, Mailbox, อาคาร Club House , Swimming Pool, Sunken Seat, Pool Deck, Garden, Fitness, ที่จอดรถ, Access Card Control, CCTV, รปภ. 24 ชม. ราคาเริ่มต้นที่ 2.29 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 69,000 บาท/ตร.ม.)

ส่วนรายละเอียดของโครงการจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตามอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

:::: ที่ตั้งโครงการ ::::

ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.

พิกัด : 13.820183, 100.667194

แผนที่จากทางโครงการ

ทำเลที่ตั้ง โครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา ตั้งอยู่ในโซนชานเมืองบนถนนรัชดา – รามอินทรา โดยถนนเส้นนี้จะตัดจากถนนเกษตร – นวมินทร์เชื่อมไปยังถนนรามอินทราช่วงกม.8 ระหว่างแยก รพ.นพรัตน์ กับช่วงที่เส้นรามอินทราตัดกับวงแหวนกาญจนาภิเษก ในโซนนี้เป็นโซนของแหล่งที่พักอาศัย ตลอดสองฝั่งของถนนรัชดา – รามอินทราจะเป็นอาคารในแนวราบ พวกโครงการบ้านจัดสรร ทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม, คอนโดมิเนียม Low Rise และโฮมออฟฟิศ

การเดินทางด้วยรถยนต์ สำหรับย่านนี้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวถือว่าสะดวกสบาย ดังที่กล่าวไปแล้วว่าตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรัชดา – รามอินทรา เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนเกษตร – นวมินทร์ และถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ใช้เดินทางเข้าเมือง และทั้ง 2 เส้นนี้จะตัดกับถนนนวมินทร์ ที่สามารถใช้วิ่งลงไปเชื่อมกับถนนลาดพร้าวย่านบางกะปิเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองได้อีก 1 เส้นทาง ตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ เป็นทางด่วนเส้นที่วิ่งเข้าเมืองได้สะดวกที่สุด แต่รถก็อาจจะเยอะหน่อย และตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก เป็นเส้นที่มีความคล่องตัวและสะดวกสำหรับท่านที่ปกติต้องเดินทางไปแถวบางนา – บางปะอิน

นอกจากนี้ จากทำเลในย่านนี้ยังสามารถเดินทางไปยังโซนนอกเมืองฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือและบริเวณใกล้เคียงอย่าง มีนบุรี, รามอินทรา, หลักสี่, เกษตร – นวมินทร์, ประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วน) ได้สะดวก เป็นโซนที่น่าจะได้ไปบ่อยเพราะมีความอุดมสมบูรณ์รองรับอยู่

ทางด่วน ตัวโครงการอยู่ใกล้กับจุดขึ้น – ลงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ในระยะ 5.7 กม. สามารถใช้วิ่งเข้าสู่ตัวเมืองและไปทางพระราม 9 หรือบางนาได้สะดวก โดยวิ่งจากถนนรัชดา – รามอินทราไปยังถนนเกษตร – นวมินทร์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนคลองลำเจียก (ทางลัดช่วยให้เร็วขึ้น) เพื่อเข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรมแล้ววิ่งขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ได้เลย

และตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก โดยวิ่งจากถนนรัชดา – รามอินทราไปเข้าถนนรามอินทรา เพื่อวิ่งขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกได้ในระยะ 6.1 กม. จะไปแถวบางนาหรือบางปะอินก็สะดวก

ความอุดมสมบูรณ์ บริเวณโดยรอบของตัวโครงการส่วนมากจะเป็นอาคารที่พักอาศัยในแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ มีความเงียบสงบซึ่งจะต่างออกไปจากคอนโดมิเนียมในตัวเมืองที่โดยรอบจะมีแต่ความคึกคักและรวดเร็ว การสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะมีความสะดวกและมีให้เลือกอย่างหลากหลาย เรียกว่าสามารถกินอยู่ใช้สอยด้วยระยะเดินเพียงเล็กน้อย

ย่านนี้จะตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ง่ายๆแบบการอยู่คอนโดมิเนียม แต่ชอบความเงียบสงบไม่หนาแน่นอึกทึกเท่ากับคอนโดในตัวเมือง ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็นับว่ารองรับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบายพอสมควรเลย

ไปทางรามอินทราที่โดดเด่นเลยก็จะเป็นห้าง Fashion Island และข้างๆกัน The Promanade ซึ่งภายในก็จะมีทั้ง Shopping center, ห้าง Big C, ร้านอาหาร, โรงเรียนติวเตอร์, คลีนิกเสริมความงาม และ อื่นๆอย่างครบวงจร กลับมาอีกด้านบนถนนเกษตร – นวมินทร์ที่มีทั้ง Community mall, ตลาดนัดหัวมุม ตลาดนัดกลางคืนกับสินค้าในราคาย่อมเยา, ร้านอาหาร และร้านนั่งชิว มา Hangout กับเพื่อนๆได้ในยามค่ำคืน และถ้าไปทางเลียบด่วนรามอินทราก็จะมีทั้ง The Crystal, CDC, ห้างใหม่อย่างเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสวิลล์ รวมถึงร้านอาหารดีๆให้เลือกกันได้อีกเพียบ

นอกจากนี้ไม่ไกลจากตัวโครงการก็จะมี Tesco Lotus, Big C Market, Chocolate Ville, Max Value, โรงพยาบาล, สนามกอล์ฟ และสวนสยาม ตรงข้ามกับตัวโครงการเองก็จะมี The Junction เป็น Community mall ที่รวมร้านอาหารและร้านค้ามาไว้ด้วยกัน

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ การเดินทางจากบริเวณทำเลโครงการจะพึ่งรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เพราะบนเส้นรัชดา – รามอินทรายังมีรถประจำทางผ่านไม่เยอะมากนัก ต้องเพิ่งรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ที่มีผ่านไปมาอยู่บ้าง แต่ภายในปี 2563 คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรีก็จะสร้างเสร็จได้เปิดใช้งาน โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็นสถานีวงแหวนตะวันออก ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้น และเป็นที่รู้ๆกันดีว่าเมื่อรถไฟฟ้าเข้าถึงเมื่อไหร่ ก็จะนำความเจริญและความอุดมสมบูรณ์มาสู่พื้นที่นั้นๆด้วย

:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::

วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก

ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ > ถนนประดิษฐ์มนูธรรม > ถนนเกษตร – นวมินทร์ > ถนนรัชดา – รามอินทรา > แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา

เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์มุ่งหน้าไปทางรามอินทรา สังเกตป้ายรามอินทรา (มีนบุรี) เอาไว้นะคะ ให้ชิดซ้ายเตรียมลงที่ทางออกหน้า

ชิดซ้ายลงจากทางด่วน

เมื่อลงจากทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์แล้วจะมาออกที่เส้นรามอินทรามุ่งหน้าไปยังหลักสี่ ให้สังเกตป้ายบางนาเอาไว้แล้วเตรียมชิดซ้าย

ชิดซ้ายแล้วเลี้ยวเข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือเลียบทางด่วนรามอินทราไปเลยค่า

เมื่อเข้าถนนเลียบทางด่วนแล้ว ทางซ้ายมือจะมีจุดสังเกตเป็นตลาดนัดเลียบด่วน เป็นตลาดนัดขนาดใหญ่เปิดตอนกลางคืน มีสินค้าและอาหารมากมาย เป็นแหล่งช้อปปิ้งราคาย่อมเยาและเดินได้สนุกของคนในย่านนี้เลย

ตรงไปเรื่อยๆให้สังเกตป้ายถนนลาดพร้าวเอาไว้ ชิดซ้ายเอาไว้เลยค่ะ

ชิดซ้ายมุ่งหน้าไปออกถนนเกษตร – นวมินทร์

จากนั้นให้สังเกตป้ายนวมินทร์เอาไว้

ชิดซ้ายมุ่งหน้าไปออกถนนเกษตร – นวมินทร์เลย ถ้าขึ้นทางยกระดับไปจะไปถึงลาดพร้าว – พระราม 9

ชิดซ้ายเอาไว้แล้วเลี้ยวเข้าถนนเกษตร – นวมินทร์

เมื่อเข้าถนนเกษตร – นวมินทร์มาแล้วให้วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ฝั่งซ้ายมือจะมีจุดสังเกตเป็น Mc Donald

สังเกตป้ายถนนนวลจันทร์และมีนบุรีเอาไว้นะ เราจะชิดซ้ายเลี้ยวเข้าถนนรัชดา – รามอินทรา

ชิดซ้ายวิ่งเข้าถนนรัชดา – รามอินทราไปเลยค่ะ

เมื่อเข้าถนนรัชดา – รามอินทรามาแล้วจะมาเจอแยกไฟแดงถนนนวลจันทร์ ให้วิ่งตรงต่อไปเรื่อยๆ

จากถนนเกษตร – นวมินทร์วิ่งตรงเข้าไปประมาณ 2.4 กม.ทางขวามือจะเป็นโครงการ แชมเบอร์ส รามอินทราอยู่ตรงข้ามกับป้ายรถเมล์พอดี

จากนั้นให้สังเกตป้ายถนนรามอินทรา (หลักสี่) เอาไว้ ทางขวามือจะเห็นรั้วโครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา แล้วค่ะ

เลยไปไม่ไกลฝั่งซ้ายมือจะมีจุดสังเกตเป็น The Junction ภายในมี 7 – 11 อยู่ด้วย จากตัวโครงการสามารถเดินข้ามสะพานลอยมาได้สะดวกทีเดียว

จากนั้นให้สังเกตป้ายถนนรามอินทรา (หลักสี่) เอาไว้แล้วชิดซ้ายเพื่อขึ้นทางกลับรถ

วิ่งชิดซ้ายเอาไว้นะคะ ถ้าขึ้นทางยกระดับทางขวาจะไปออกเส้นรามอินทราใกล้ห้าง Fashion Island และ The Promanade และสามารถวิ่งไปขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกได้

จากนั้นให้ชิดขวาเพื่อกลับรถ

เมื่อกลับรถมาวิ่งอีกฝั่งฝุ่งหน้าไปยังถนนเกษตร – นวมินทร์แล้ว ทางซ้ายมือจะมีจุดสังเกตเป็นโครงการ Bangkok Boulevard Nawamin ทางเข้าโครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา จะอยู่ถัดไปเลยค่ะ

เรามาถึงโครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา กันแล้วค่าทุกคน

บริเวณทางเข้าโครงการแบบชัดๆ

สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ

• ถนนนวมินทร์ : 1.5 กม.
• ถนนเกษตร – นวมินทร์ : 2.8 กม.
• ถนนนวลจันทร์ : 3.0 กม.
• ถนนรามอินทรา : 4.4 กม.
• ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา) : 4.7 กม.
• วงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก : 6.2 กม.
• แยกรพ.นพรัตน์ : 6.3 กม.
• แยกมัยลาภ : 7.6 กม.
• แยกวังหิน : 9.0 กม.
• แยกวัดลาดปลาเค้า : 9.7 กม.
• แยกวัชรพล : 10.9 กม.

สถานที่สำคัญรอบโครงการ

ห้างสรรพสินค้า และ ตลาด

• Max Value : 1.4 กม.
• Chocolate Ville : 2.6 กม.
• Big C market นวมินทร์ : 2.7 กม.
• The Junction : 2.8 กม.
• Tesco Lotus นวมินทร์ : 3.2 กม.
• ตลาดหัวมุม : 4.9 กม.
• The Walk : 5.4 กม.
• The Promanade : 6.0 กม.
• Fashion Island : 6.3 กม.
• สวนสยาม : 6.4 กม.
• The Crystal : 6.5 กม.
• Chic Republic : 6.7 กม.
• Nawamin Festival Walk : 6.8 กม.
• Nawamin City Avenue : 6.9 กม.
• CDC : 7.0 กม.
• Ease Park : 7.9 กม.
• Tesco Lotus extra เลียบทางด่วน : 7.9 กม.
• เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสวิลล์ : 8.5 กม.
• ตลาดนัดเลียบด่วน : 9.0 กม.
• Big C extra รามอินทรา : 9.2 กม.
• Foodland : 9.4 กม.
• Plearnary mall : 9.8 กม.
• Tesco Lotus วังหิน : 10.0 กม.
• ตลาดถนอมมิตร : 10.3 กม.
• HomePro เลียบทางด่วน : 10.9 กม.
• เมเจอร์รัชโยธิน : 12.3 กม.
• เซ็นทรัลรามอินทรา : 12.4 กม.
• เซ็นทรัลลาดพร้าว : 16.1 กม.

ศูนย์การแพทย์

• รพ.พญาไท : 2.6 กม.
• รพ.สินแพทย์ : 5.5 กม.
• รพ.นพรัตน์ : 6.0 กม.
• รพ.วิภาวดี : 12.4 กม.

สถานศึกษา

• รร.บดินทร์เดชา 2 : 2.6 กม.
• รร.เลิศหล้า : 3.3 กม.
• ม.เกริก : 12.3 กม.
• ม.เกษตร : 13.7 กม.

ศาสนสถาน

• วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร : 13.3 กม.

สถานที่ราชการ และ หน่วยงานอื่นๆ

• สนามกอล์ฟปัญญา : 7.7 กม.
• สนามกอล์ฟนวธานี : 11.0 กม.
• สนามกีฬากองทัพบก : 11.0 กม.

:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::

บริเวณโดยรอบโครงการบนถนนรัชดา – รามอินทราจะเป็นโซนของที่อยู่อาศัยในแนวราบเกือบทั้งหมด มีโครงการบ้านจัดสรรทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม, โฮมออฟฟิศ, คอนโดมิเนียมแบบ Low rise, ร้านอาหาร, Max value, The Junction และที่ดินเปล่าบ้างประปราย

• ทิศเหนือ ติดกับ ถนนรัชดา – รามอินทรา ฝั่งตรงข้ามเป็นโครงการบ้านเดี่ยว Bangkok Boulevard รัชดา – รามอินทรา และ The Junction
• ทิศใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2 ชั้น
• ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่า
• ทิศตะวันตก ติดกับ ชุมชนเคหะสูง 5 ชั้น

เดี๋ยวเราจะเดินสำรวจบริเวณใกล้เคียงกับตัวโครงการกันนะคะ จะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่แถวนี้บ้าง เริ่มจากฝั่งตรงข้ามกับโครงการ จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว Bangkok Boulevard รัชดา – รามอินทรา

มุมมองไปฝั่งซ้ายมือมุ่งหน้าไปทางเกษตร – นวมินทร์ เดี๋ยวเราจะเดินสำรวจเส้นทางนี้กันก่อน

บริเวณหน้าโครงการเลยก็จะมีป้ายรถเมล์ แต่ว่ารถประจำทางที่ผ่านอาจจะยังไม่เยอะเท่าไหร่นะ

ติดกับตัวโครงการเลยจะเป็นอาคารชุมชนเคหะสูง 5 ชั้น

ที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโครงการ Vista Park Place

ถัดไปจะเป็น Work Place รัชดา – รามอินทรา 2 เป็นโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้นครึ่ง

มองเข้าไปภายในตัวตึกมีลูกเล่นของ Facade เป็นสี Pastel สลับสีกันไปมา ดูน่ารักดี

เดินเลยไปอีกจะเป็นคอนโดแชมเบอร์ส รามอินทราสูง 7 ชั้น เป็นพี่น้องกันกับโครงการของเราในวันนี้

ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น Work Place อีกโครงการนึง

มุ่งตรงไปข้างหน้าก็จะเป็นถนนเกษตร – นวมินทร์ที่เราเพิ่งจะเดินทางกันเข้ามาค่ะ

กลับมาที่หน้าโครงการไปสำรวจเส้นทางฝั่งขวามือกันบ้าง

ตรงข้ามกับตัวโครงการเยื้องไปทางขวามือคือ The Junction เป็น Community mall ที่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุด ภายในมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย รวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่าง 7 – 11 ด้วย จากหน้าโครงการสามารถเดินข้ามสะพานลอยไปได้สะดวกด้วยระยะเดินเพียง 300 เมตรเท่านั้น

ข้างๆกับตัวโครงการเลยจะเป็นซุ้มทางเข้าโครงการบ้านเดี่ยว Bangkok Boulevard Nawamin

มุ่งตรงไปข้างหน้าจะเป็นถนนรามอินทรา จะมีสะพานลอยสามารถใช้เดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ อย่าเดินข้ามถนนเองเลยนะคะ อันตรายจริงๆ

มาดูภาพมุมสูงกันบ้าง บริเวณโดยรอบโครงการส่วนมากจะเป็นโครงการบ้านพักอาศัยในแนวราบ ทางทิศเหนือของโครงการจะติดกับถนนรัชดา – รามอินทราซึ่งเป็นทางเข้า – ออกเดียวของโครงการ

มุมมองไปทางฝั่งทิศใต้ ด้านหลังตัวโครงการไปส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2 ชั้น แทบทุกด้านของโครงการจะสามารถ Take view ได้ ยกเว้นทางฝั่งตะวันตกที่ติดกับอาคารชุมชนเคหะซึ่งสูงขึ้นมาถึง 5 ชั้น

มุมมองไปทางทิศเหนือก็จะเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบไปอีกไกลเลย

:::: ตัวโครงการ ::::

โครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา เป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มีทั้งหมด 252 ยูนิตบนพื้นที่ 4 ไร่เศษ ตัวโครงการเป็นคอนโดสไตล์ Danish Modern หรือสไตล์โมเดิร์นแบบ Minimalist จากทางเดนมาร์ก ภายใต้แนวคิดคอนโดอารมณ์บ้าน ด้วยหน้าห้องที่กว้างกว่าทำให้สามารถจัดพื้นที่ภายในห้องได้ลงตัวมากขึ้น พร้อมสวนส่วนกลางที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด ให้ความรู้สึกเหมือนกับสวนหลังบ้าน

มาดูในส่วนของตัวโมเดลของโครงการกันค่ะ ตัวอาคารทั้ง 2 ของโครงการจะถูกวางขนานกับแกนทิศตะวันออก – ตะวันตก

มุมมองที่ฝั่งทิศเหนือของโครงการ ทางซ้ายมือคืออาคาร A ซึ่งจะซ้อนอยู่ด้านหลังอาคาร B ทางขวามือ ด้านนี้จะมีข้อดีหลักๆตรงที่ไม่โดนแดดในช่วงบ่ายมากนัก ซึ่งภายในห้องก็จะค่อนข้างเย็นเมื่อเทียบกับด้านอื่นๆ แต่ระเบียงของห้องจะหันหน้าเข้าหาถนนรัชดา -รามอินทรา แม้ว่าถนนเส้นนี้จะไม่ใช้ถนนสายหลัก รถสัญจรไปมาไม่เยอะมากแต่ก็จะได้รับฝุ่นควันและมลพิษทางเสียงบ้างเล็กน้อย

ด้านทิศตะวันออกของโครงการก็เป็นด้านที่ดีอีกด้านหนึ่งเลยเพราะไม่โดนแดดในช่วงบ่ายตรงๆ อีกทั้งยังเป็นด้านอยู่ติดกับที่ดินเปล่า ซึ่งในอนาคตจะถูกสร้างเป็นโครงการบ้านเดี่ยว ยูนิตชั้นล่างๆก็จะยังพอมีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบอยู่ค่ะ

ด้านทิศใต้ของโครงการจะเป็นด้านที่โดนแดดตอนบ่ายแบบจังๆ แต่ตัวอาคารถูกวางไว้ให้เบนไปทางทิศตะวันออกหน่อยๆจึงช่วยให้หลบแดดได้บ้าง ถ้าใครที่เครซี่เรื่องการตากผ้าให้แห้งสนิทและชอบกลิ่นหอมอ่อนๆของแดดก็คงจะพอใจอยู่ค่ะ ด้านนี้มีข้อดีตรงที่เป็นด้านที่เงียบสงบ เพราะด้านหลังโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2 ชั้นเกือบทั้งหมด อีกทั้งต้นไม้ที่ปลูกริมรั้วรอบๆโครงการก็จะช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้ยูนิตชั้นล่างๆได้ด้วย

ด้านทิศตะวันตกของโครงการก็จะเป็นด้านที่โดนแดดช่วงบ่ายแบบจังๆเช่นกัน แต่เนื่องจากอยู่ติดกับอาคารชุมชนเคหะซึ่งสูง 5 ชั้น จึงอาจจะมี Shade จากอาคารข้างเคียงนี้มาช่วยบังแดดได้บ้าง แต่วิวในด้านนี้ก็คงไม่ดีเท่าด้านอื่นนะ

มาดูโมเดลในมุมสูงกันบ้าง จะเห็นว่าอาคาร A และอาคาร B ถูกออกแบบมาคล้ายรูปตัว L วางเหลื่อมกันอยู่ ซึ่งระเบียงห้องที่หันมาชนกันนั้นจะมีเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น การวางแบบนี้มีข้อดีตรงที่มีช่องให้ลมสามารถ Flow ผ่านไปได้ Shade ของแต่ละอาคารไม่มาทับกันจนทำให้ยูนิตภายในมืดทึบ แสงสว่างสามารถเข้าถึงได้ทุกยูนิต พื้นที่ว่างระหว่างอาคารถูกจัดให้เป็นสระว่ายน้ำ, Sunken seating และสวนส่วนกลาง สามารถเป็นวิวให้กับยูนิตภายในได้ด้วย ส่วนกลางที่ถูกล้อมด้วยตึกจะสามารถใช้งานได้เกือบจะตลอดเวลาเพราะมีเงาของตึกเป็น Shade ให้สามารถนั่งเล่นหรือว่ายน้ำได้อย่างเย็นสบาย แต่ช่วงหน้าหนาวน้ำก็คงจะเย็นไปเพราะไม่โดนแดด ก็อาจจะลงเล่นกันไม่ไหว (ซึ่งมีด้วยหรือหน้าหนาวในเมืองไทย 5555)

จากแต่ละอาคารจะมี Cover way เดินมาถึงคลับเฮ้าส์ได้ ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ต้นไม้ภายในสวนจะเป็นต้นไม้ตามฤดูกาล หลักๆก็จะมีต้นกัลปพฤกษ์ปลูกไว้ที่รอบๆโครงการ และต้นทองกวาวที่อยู่ใจกลางสวน

มาดูในส่วนของ Plan อาคารกันบ้าง ทางเข้า – ออกของตัวโครงการจะมีเพียงทางออกเดียวบนถนนรัชดา – รามอินทราโดยถูกวางอยู่บริเวณริมฝั่งซ้ายของไซท์ เส้นทางการเดินรถจะวนขวาตามเข็มนาฬิกาเข้าไปแล้วกลับออกมาที่ทางเข้า – ออกเดิม

ที่ชั้น G จะเป็นที่จอดรถทั้งแบบกลางแจ้งและใต้อาคารรวมทั้งหมด 183 ช่อง คิดเป็น 72.5% ของห้องพักอาศัย นับว่าให้มาค่อนข้างเยอะทีเดียว น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ และส่วนมากก็คงจะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันอยู่แล้ว ดังที่กล่าวไปแล้วว่าพื้นที่ระหว่างตึก A และ B ก็จะเป็นส่วนกลางของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำ, Sunken seating ในบ่อบัว, สวนพักผ่อน และคลับเฮ้าส์ ที่ชั้นล่างของคลับเฮ้าส์จะเป็น Lobby ที่ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นหรืออ่านหนังสือได้ เยื้องไปทางฝั่งขวาของคลับเฮ้าส์ก็จะเป็นห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของสระว่ายน้ำ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นห้องพักอาศัย ทั้ง 2 อาคารจะมีจำนวนห้องพักอยู่เท่าๆกัน ใน 1 ชั้นจะมีทั้งหมด 18 ห้องและลิฟท์โดยสารอีก 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดต่อลิฟท์อยู่ที่ 63 : 1 นับว่าให้มาเพียงพอแล้ว เพราะโครงการเป็นคอนโดแบบ Low rise ด้วยจำนวนชั้นที่ไม่สูงมากทำให้ไม่ต้องยืนรอลิฟท์นาน ส่วนที่ชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์จะเป็น Fitness ซึ่งเป็นผนังกระจก สามารถ Take view จากสวนส่วนกลางได้เช่นกัน

ชั้น 3 ของโครงการก็จะไม่ต่างอะไรจากผังชั้น 2 ส่วนคลับเฮ้าส์ก็จะเป็นชั้นดาดฟ้า

ชั้น 4 – 7

ชั้น 8

:::: UNIT TYPE ::::

ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 4 แบบด้วยกันได้แก่

• 1 Bedroom (Type 1 A) : ขนาด 33.00 ตรม. หน้ากว้าง 5.5 เมตร
• 1 Bedroom Plus (Type 1 B) : ขนาด 43.00 ตรม. หน้ากว้าง 7.5 เมตร
• 1 Bedroom Plus (Type 1 BJ) : ขนาด 43.00 ตรม. หน้ากว้าง 7.5 เมตร
• 2 Bedrooms (Type 2 A) : ขนาด 58.00 ตรม. หน้ากว้าง 10.5 เมตร

จุดเด่นของโครงการนี้คือมีหน้าห้องที่กว้างขวาง ทำให้การจัดห้องลงตัวมากขึ้นและได้ช่องแสงเพิ่มขึ้นด้วย ห้องจึงดูโปร่งโล่งและระบายอากาศได้ดี ทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ของ SB Furniture จากการออกแบบของ SC Asset เรียกได้ว่าแค่ขนเสื้อผ้ามาก็เข้าอยู่ได้เลย เดี๋ยวเราจะไปดูผังพื้นของห้องแต่ละ Type กันเลย

1 Bedroom (Type 1 A) : ขนาด 33.00 ตรม. หน้ากว้าง 5.5 เมตร

1 Bedroom Plus (Type 1 B) : ขนาด 43.00 ตรม. หน้ากว้าง 7.5 เมตร

1 Bedroom Plus (Type 1 BJ) : ขนาด 43.00 ตรม. หน้ากว้าง 7.5 เมตร

2 Bedrooms (Type 2 A) : ขนาด 58.00 ตรม. หน้ากว้าง 10.5 เมตร

:::: บริเวณภายในโครงการ ::::

::: ซุ้มทางเข้าโครงการ :::

เราได้ชมรายละเอียดของโครงการกันไปบ้างแล้ว คราวนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปชมบรรยากาศจริงของโครงการกันบ้าง

การเข้า-ออกตัวโครงการนั้นจะต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัย นั่นก็คือ ป้อมรปภ.เป็นจุดตรวจ มีรั้วเลื่อนอัตโนมัติระบบ Access Card และ กล้อง CCTV

กล้อง CCTV

รั้วเลื่อนค่ะ ปกติจะเปิดด้วยระบบ Access Card

ภาพมองย้อนกลับไปที่ซุ้มทางเข้าโครงการ

::: บริเวณภายในโครงการ :::

จากซุ้มทางเข้า พอเข้ามาภายในโครงการแล้วก็จะมีทางแจกออกไปทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าจะเข้าอาคารจอดรถก็ให้เลี้ยวซ้ายวนไปตามเข็มนาฬิกา แต่ถ้าจะติดต่อสำนักงานขาย ให้เราเลี้ยวขวานะ

รูปร่างหน้าตาอาคารด้านหน้า

เดี๋ยวเราจะวนเข้าไปดูอาคารจอดรถกันก่อนค่ะ ตรงนี้เราต้องผ่านรั้วไม้กระดกอีกชั้นด้วยระบบ Access Card เหมือนเดิม

เครื่องจับสัญญาณ Key Card ค่ะ

ในส่วนของอาคารจอดรถ จะอยู่ที่ชั้น G เป็นพื้นที่ใต้อาคารทั้งหมด

สามารถจอดรถได้ทั้ง 2 ฝั่งแบบนี้ ที่จอดรถมีทั้งหมด 183 ช่อง คิดเป็น 72.5% ของห้องพักอาศัย นับว่าให้มาค่อนข้างเยอะทีเดียวนะ หายากแล้วเดี๋ยวนี้ที่จะให้เยอะเท่านี้ค่ะ จากที่จอดรถก็จะมีประตูเชื่อมสู่ทางเดินเพื่อเข้าตัวอาคาร

พื้นที่จอดมอเตอร์ไซค์ และพื้นที่จอดกลางแจ้งระหว่างอาคาร

วนตามเข็มนาฬิกา เราก็จะกลับไปที่ทางเข้า-ออกเดิมค่ะ

เราจะวนออกมาเจอ Clubhouse ทางด้านขวามือค่ะ

Clubhouse and Facilities

หน้าตาของคลับเฮ้าส์จะเป็นสไตล์ Modern มีการเฉือนระแนงที่เป็น Facade บริเวณประตูทางเข้าออกให้มีรูปทรงคล้ายกับบ้าน แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็น Modern โดยเล่นให้รูปทรงดูไม่ Symmetry กัน ส่วนสีที่ใช้ก็จะเป็นสีออกโทนน้ำตาลให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่ก็ดูหรูหราด้วยความเงาของตัววัสดุ

เราเข้าไปดูภายในด้วยกันเลยค่ะ

เข้ามาภายในคลับเฮ้าส์ ส่วนแรกที่เจอเลยจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขายด้วยค่ะ

เคาน์เตอร์ด้านในสุดจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายนั่งประจำอยู่ คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโครงการ และพาชมห้องตัวอย่างค่ะ

การจัดเฟอร์นิเจอร์รวมกับแสงที่ลอดผ่านระแนงและช่องแสงเข้ามาทำให้ได้บรรยากาศแบบสบายๆ น่านั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ

ส่วนของผนังกระจกฝั่งซ้ายที่เห็น สามารถเปิดได้ทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำได้ด้วยนะคะ

จากโถงนั่งเล่นจะมีบันไดทางขึ้นไปสู่ฟิตเนสที่ชั้น 2

จากชานพักบันไดมองขึ้นไปที่ชั้น 2

ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันแล้ว พื้นที่ทั้งชั้นจะเป็นฟิตเนสทั้งหมดค่ะ

ภายในฟิตเนส เน้นวัสดุไม้เป็นหลัก ดูอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ภายในมีเครื่องออกกำลังอย่างครบครัน

ฝั่งริมกระจกจะได้วิวสวนและสระว่ายน้ำด้วย มีลู่วิ่งไฟฟ้า และเครื่องเดินวงรีให้

ส่วนอีกฝั่งมีเครื่องออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ และจักรยานไฟฟ้า

บริเวณริมกระจกเงาด้านใน จะมีชุดดัมเบล และม้านั่งราบเตรียมเอาไว้ให้

ภาพมองย้อนกลับจากภายในห้อง

ข้างๆประตูทางเข้าได้จัดเก้าอี้เอาไว้ให้ สำหรับนั่งพักคอยค่ะ

เราออกไปดูสระว่ายน้ำ และ Sunken seat ข้างนอกกันต่อค่ะ โดยรอบได้จัดแลนสเคปเอาไว้อย่างสวยงามทีเดียว

จุดแรกเป็น Sunken seat ล้อมรอบด้วยสระบัว

ระดับพื้นด้านในจะอยู่ต่ำลงไป

วิวระดับสายตาที่เห็นก็จะสูงขึ้นมาจากสระบัวเล็กน้อย ได้อีกบรรยากาศ

มองย้อนกลับไป จะเห็นผนังกระจกของคลับเฮ้าส์ ที่สามารถเปิดเชื่อมกับสระว่ายน้ำค่ะ

คราวนี้เราเดินไปดูที่สระว่ายน้ำกันต่อ

ข้างๆสระจะมี Pool Deck ตั้ง Daybed ให้นอนพักผ่อนอาบแดด

ข้างๆมี Shower สำหรับล้างตัวก่อนลงสระ

สระว่ายน้ำมีแบ่งเป็นสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ค่ะ เป็นสระระบบเกลือ โดยรวมสระมีขนาด 27 x 6.5 เมตร มีขนาดใหญ่มากๆ สามารถว่ายออกกำลังกายได้สบายๆเลย

สระเด็กลึก 0.6 เมตร

สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร มีบันไดเดินลงสระเป็นขั้นๆ ลงไป

มองจากอีกฟากของสระย้อนกลับไป

เรามาดูห้องน้ำกันต่อ ทางเข้าจะอยู่เลยจากจุดล้างตัวลงสระเล็กน้อย

จะมีโถงแบ่งห้องฝั่งชาย-หญิง

มองเข้าไปภายในห้องน้ำ

จุดแรกเป็นอ่างล้างมือ มีให้ 2 อ่าง

เข้าไปด้านในฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ ส่วนฝั่งขวามือคือตู้ล็อกเกอร์

ตู้ล็อกเกอร์ค่ะ

ภายในห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ

เรากลับเข้ามาภายในคลับเฮ้าส์ จะมีประตูออกไปที่ทางเดินเชื่อมสู่อาคาร A และ B ค่ะ ที่ฝั่งซ้ายนี้จะเชื่อมสู่อาคาร A

การเข้า-ออกจะต้องใช้ Key Card ด้วยนะคะ

ออกมาจะเป็นทางเดินมีหลังคาคลุมแบบนี้ค่ะ 2 ข้างทางจัดสวนเอาไว้อย่างร่มรื่นสวยงาม

บรรยากาศโดยรอบดีจริงๆ

จากทางเดินตรงนี้ สามารถเดินเชื่อมสู่สระว่ายน้ำได้เช่นกันค่ะ

ฝั่งซ้ายมือข้างหน้านี้คือทางเข้าโถงลิฟท์ของอาคาร A ค่ะ เราจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตูเข้าไป

เข้ามาจะเจอโถงชั้นแรก เชื่อมสู่โถงลิฟท์ และห้องจดหมาย

ภายในห้องจดหมายค่ะ

ภายในโถงลิฟท์ มีลิฟท์โดยสารให้อาคารละ 2 ตัว ตกแต่งให้ดูสวยงาม และอบอุ่นด้วยวัสดุไม้

ภายในลิฟท์โดยสาร ใช้ของ Hitachi สามารถรองรับได้ประมาณ 11 คนต่อเที่ยว

ขึ้นมาสู่โถงลิฟท์ชั้นพักอาศัย การตกแต่งจะเรียบมากขึ้น เพื่อนำเข้าสู่ตัวห้อง

ภายในโถงทางเดินก็สว่างดีค่ะ โถงกว้างประมาณ 1.4 เมตร กำลังดี

ตามจุดต่างๆของโถงจะมีบันไดหนีไฟให้ตามกฎหมาย

ภายในบันไดหนีไฟค่ะ

กลับมาที่คลับเฮ้าส์ จะมีประตูฝั่งขวา สามารถเดินเชื่อมสู่อาคาร B

จะมีโถงทางเดินมีหลังคาคลุมเชื่อมสู่ตัวอาคาร

ใต้อาคาร B จะเป็นจุดที่มีออฟฟิศของช่าง และนิติบุคคล

ฝั่งซ้ายที่เราเห็นอยู่คือห้องนิติบุคคลค่ะ ตรงกลางคือห้องจดหมาย และฝั่งขวาคือโถงลิฟท์

ภายในห้องจดหมาย

ทางเข้าโถงลิฟท์ ใช้ Key card ในการผ่านเข้า

ภายในโถงลิฟท์ ตกแต่งเหมือนอาคาร A มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัวเหมือนเดิม

::: ห้องตัวอย่าง :::

วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ลำดับเป็น 2 Bedrooms (Type 2A) และ 1 Bedroom Plus (Type 1 BJ) โดยห้องของทางโครงการจะขายแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบของ SB Furniture ภายใต้การออกแบบของ SC Asset มาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของห้องกันเลย

แบบ 2 Bedrooms (Type 2A)

เริ่มต้นที่ห้องที่ใหญ่ที่สุดของโครงการ คือห้อง 2 Bedrooms (Type 2A) ขนาด 58 ตรม. หน้ากว้างถึง 10.5 เมตร เมื่อเข้ามาภายในห้องที่ฝั่งขวาจะเป็นตู้เก็บของขนาดใหญ่ โถงกลางของห้องเป็นตัวแจกไปฝั่งซ้ายและขวา โดยพื้นที่รับประทานอาหารจะสามารถวางโต๊ะกินข้าวได้ถึง 4 ที่นั่ง ห้องครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบปิด ช่วยกันกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เคาน์เตอร์ครัวถูกจัดให้เป็นรูปตัว L เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการปรุงอาหารให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ห้องนอนเล็กสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์หลักได้อย่างครบถ้วน และได้หน้าต่างภายในห้องด้วย ส่วนห้องนอน Master bedroom ก็จะมีขนาดที่กว้างขวางขึ้น จนสามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้เลย

เริ่มจากประตูทางเข้าห้องจะปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้ ที่บานมีตาแมวสามารถส่องดูคนที่ยืนอยู่หน้าห้องได้

พร้อมอุปกรณ์มือจับประตูแบบก้านโยกมาตรฐาน

ที่พื้นห้องทำธรณีประตูสูงขึ้นมาจบงานระหว่าง Finishing พื้นภายในห้อง และพื้นบริเวณโถงทางเดินเรียบร้อย

มุมมองเข้าไปภายในห้องจะเห็นเลยว่าห้องดูโปร่งโล่งและกว้างขวาง ที่ฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ส่วนที่ฝั่งซ้ายจะเป็นตู้เก็บของ ตรงเข้าไปกลางโถงด้านในคือห้องนั่งเล่นค่ะ พื้นของห้องจะปูด้วยลามิเนตลายไม้ ส่วนผนังจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี

ฝ้าเพดานภายในห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบสูง 2.5 เมตร สูงกว่า Chambers ตัวเก่าๆประมาณ 10 ซม. ดวงโคมทั้งหมดเป็นดวงโคมดาวน์ไลท์กล่องสี่เหลี่ยม

มองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าห้อง จะติด Door stopper กันประตูกระแทกผนังเอาไว้ให้ด้วย แต่ต้องระวังอย่าเดินเตะเอานะ ฝั่งขวามือของประตูเราจะเห็นตู้เก็บของ 2 ตู้ค่ะ

ตู้แรกมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เลย สามารถเอาจักรยานเข้ามาเก็บได้เลยนะ ภายในห้องก็จะเป็นจุดซ่อนของตู้ Load center ทำให้ห้องดูเรียบร้อย ตัวบานเปิดของ Built – in ภายในห้องจะเป็นแบบ Soft – closed ทั้งหมดเพื่อกันการกระแทกของตัวบาน

มือจับตู้เก็บของเป็นแบบนี้ค่ะ

ภายในตู้ติดดวงโคมดาวน์ไลท์มาให้ด้วย

ตู้ Load center ใช้ของ Schneider Electric

ส่วนอีกตู้จะทำเป็นหลายๆชั้น ใช้เก็บของที่ต้องการหยิบใช้ได้สะดวก

มองกลับไปดูพื้นที่ห้องทานอาหาร

ขนาดพื้นที่ตรงนี้จะสามารถวางโต๊ะอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้เลย

เฟอร์นิเจอร์ที่ได้มากับตัวห้องก็ตามนี้เลยค่ะ มีโต๊ะกินข้าว 1 ตัว, เก้าอี้ 2 ตัว และโซฟาแบบ Built – in พร้อมเบาะนั่ง

มุมมองไปที่ห้องนั่งเล่นซึ่งจะติดอยู่กับระเบียงห้อง ห้องกว้างถึง 3 เมตร มีระยะจากชั้นวางทีวีถึงโซฟาประมาณ 1.75 เมตร ซึ่งเหมาะกับการดูทีวีจอขนาด 47 – 50 นิ้ว ถ้าติดทีวีแบบแขวนผนังก็จะสามารถดูทีวีขนาดจอที่ใหญ่กว่านี้อีกได้นิดหน่อยค่ะ

ชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะกาแฟนี้ก็จะได้มากับห้องด้วยค่ะ

มองไปที่ฝั่งชั้นวางทีวี ผนังเหนือทีวียังสามารถทำชั้น Built – in เพิ่มเองเพื่อวางของได้อีก

ชั้นวางทีวีตัวนี้ก็ได้มากับห้องด้วยเช่นกัน ตัวตู้เป็นบานเลื่อนสามารถเลื่อนเปิดได้ 2 ด้าน

มาดูในส่วนของระเบียงกันต่อ ประตูจะเป็นบานเลื่อนเปิดคู่ กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสง มือจับแบบเซาะร่องมาตรฐาน สามารถเลื่อนเปิดได้ตามภาพ

มือจับบานประตูค่ะ

เปิดออกไปที่ระเบียงมีความกว้างประมาณ 0.5 เมตร พื้นระเบียงลดระดับจากพื้นห้องเล็กน้อย พอจะออกไปยืนรับลมได้ หรือระเบียงนี้อาจจะกลายเป็นราวตากผ้าไปในตัวเลยก็ได้นะ ใช้งานให้คุ้ม

ระเบียงห้องนั่งเล่น จะเชื่อมกับระเบียงของห้องครัวด้วยค่ะ

ภาพมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง

มาดูในส่วนของห้องครัวกันต่อ ประตูห้องครัวจะอยู่ฝั่งซ้ายของห้องค่ะ

ห้องครัวจะเป็นครัวแบบปิด มีประตูบานเลื่อนกระจกลูกฟูกกั้นระหว่างห้อง

พื้นภายในห้องครัวปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

มุมมองเข้าไปภายในห้องครัว ผนังของห้องครัวก็จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีนะ ดังนั้นบริเวณผนังหลังเคาน์เตอร์แนะนำให้กรุกระเบื้องหรือติดแผ่น Splash board จะได้สามารถเช็ดล้างคราบน้ำและคราบเขม่าควันออกได้ง่ายๆ

มองจากอีกฝั่งย้อนกลับมาค่ะ จะเห็นว่าเคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบ L shape ความกว้างทางเดินเหลืออยู่ประมาณ 0.8 เมตรซึ่งคนไซท์เอเชียก็ยังสามารถเดินผ่านได้สะดวกนะ

ในส่วนปลายตัว L จะเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับเตรียมอาหารได้ ใต้เคาน์เตอร์จะเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าแต่จะสามารถวางได้เฉพาะเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าเท่านั้น

ใต้ตัวเคาน์เตอร์ที่ได้ก็จะมีช่องเก็บของให้ตามภาพเลยค่ะ มีทั้งช่องสำหรับวางไมโครเวฟและเตาอบขนาดเล็กๆ, ช่องสำหรับใส่ช้อนส้อมและจานชาม และช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้อ่างล้างจาน

ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีดำอีเดีย ได้มาพร้อมกับ Hob&Hood และ อ่างล้างจาน

เตาเซรามิคขนาด 2 หัว ของ MEX

พร้อม Hood ดูดอากาศ

อ่างล้างจานแบบหลุมฝังเคาน์เตอร์มีขนาดกระทัดรัดค่ะ ใช้ของ MEX เช่นกัน

พร้อมก๊อกล้างจานทรงสูง สามารถหมุนซ้าย-ขวาได้

ส่วนชั้นลอยเหนือเคาน์เตอร์ก็สามารถเก็บของได้เยอะอยู่ พวก Built – in ภายในห้องครัวทั้งหมดก็จะเป็นบานเปิดแบบ Soft closed ด้วยเช่นกัน

ส่วนที่ติดประตูระเบียงจะเว้นพื้นที่เอาไว้ให้สามารถวางตู้เย็นได้พอดี ประตูระเบียงจะเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน สามารถเลื่อนเปิดได้ตามภาพ เหมาะสำหรับพื้นที่ๆแคบหน่อยเพราะจะสามารถเปิดประตูได้กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับประตูแบบ 2 ตอน

ที่พื้นระเบียงจะลดระดับลงจากพื้นห้องครัวเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. มีพื้นที่กว้างประมาณ 1 เมตร

นอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับตากผ้าแล้วก็จะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Compressor แอร์ของห้องด้วย ซึ่งห้อง 2 Bedrooms จะได้แอร์มาทั้งหมด 3 ตัวโดยตัว Compressor จะถูกแขวนขึ้นไปตามผนัง

ภาพมองจากห้องครัวกลับออกมาที่โถงส่วนกลางของบ้าน ตรงกลางระหว่างห้องนั่งเล่น และโต๊ะทานข้าว ก็คือโถงห้องนอนค่ะ

ส่วนโถงจะเชื่อมไปสู่ ห้องนอนเล็กฝั่งซ้าย ห้องนอนใหญ่ตรงกลาง และห้องน้ำฝั่งขวามือ

เริ่มจากห้องน้ำก่อนค่ะ ประตูห้องน้ำจะใช้เป็นบาน UPVC

มือจับแบบก้านโยกมาตรฐาน

พื้นห้องน้ำจะทำธรณียกขึ้นมากันไม่ให้น้ำไหลย้อน

ภายในห้องน้ำ พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.แบบผิวด้าน ผนังก็กรุด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. เช่นกัน

ที่ฝั่งขวาของห้องจะวางอ่างล้างมือ และโถสุขภัณฑ์ พร้อมติดกระจกเงาเต็มบานมาให้ตามภาพ ระยะผนังกว้างประมาณ 1.5 เมตร

อ้างล้างมือจะเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์สำเร็จรูปของ Mogen มีช่องให้เก็บของหรืออุปกรณ์สำหรับล้างห้องน้ำได้ ตรงนี้จะเป็นจุดเดียวที่ไม่ใช่บานเปิดแบบ Soft closed นะ

อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยม ขนาดกำลังพอดี มีพื้นที่ให้วางขวดสบู่และแปรงสีฟันได้เล็กน้อย

ก็อกน้ำล้างมือรูปทรงและขนาดจับได้ถนัดมือ ของ American Standard

ข้างๆอ่างล้างมือจะติดปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้ เผื่อไว้สำหรับเสียบไดร์เป่าผมหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ ของ Siemens ค่ะ

ถัดเข้ามาจะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นของ American Standard ระบบ Dual flush สามารถเลือกปริมาณและความแรงของน้ำได้ แต่ความกว้างของพื้นที่นั่งแอบแคบไปนิดนึง ถ้าเป็นคนตัวใหญ่ๆอาจจะนั่งไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่

ติดตั้งมาให้คู่กับสายฉีดชำระ

และที่ใส่กระดาษชำระของ VRH

หันมาที่ฝั่งซ้ายของห้องน้ำจะเป็นโซน Shower ลติดฉากกระจกกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อย

มือจับบานประตูเป็นปุ่มกลมๆ

มีราวแขวนผ้าเช็ดตัวให้ข้างๆ

ภายในโซน Shower จะมีพื้นที่ยืนอาบน้ำค่อนข้างกระทัดรัดกว้างประมาณ 1.0 x 0.7 เมตร ที่พื้นทำเป็นธรณีประตูสูงขึ้นมากั้นระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้ง

ในโซน Shower จะมีชุดฝักบัวอาบน้ำแบบสายอ่อนไม่มีราวปรับระดับของ American standard ส่วนที่วางสบู่จะเจาะช่องที่ผนังเข้าไปแทน สามารถวางอุปกรณ์ในการอาบน้ำได้อย่างเพียงพอเลย

หัวฝักบัวของ American standard มีขนาดพอดีมือใหญ่กำลังดี

ส่วนฝ้าภายในห้องน้ำ เป็นฝ้าฉาบเรียบกันความชื้น ดวงโคมดาวน์ไลท์กล่องสี่เหลี่ยม พร้อมติดพัดลมดูดอากาศมาให้

เราเข้าไปดูห้องนอนเล็กกันต่อ ประตูห้องนอนใช้เป็นบาน HDF ค่ะ

ในห้องนอนเล็กมีขนาดประมาณ 2.7 x 3.0 เมตร ข้อดีก็คือจะมีหน้าต่าง ซึ่งเป็นหน้าต่างขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้า ที่หน้าต่างจะเป็นบาน Fixed และบานกระทุ้งอีก 1 บาน

ภาพมองย้อนกลับจากภายในห้อง ให้เห็นภาพโดยรวม

ภายในห้องจะได้เตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่งมาด้วยตามภาพ

พร้อมโต๊ะข้างอีก 1 ตัว

และได้ตู้เสื้อผ้า พร้อมชุดโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้

ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีราวแขวนเสื้อผ้า และลิ้นชักมาให้ ตามภาพนี้

มือจับบานเปิดตู้เสื้อผ้าค่ะ เป็นรูปเกือกม้า จับได้สะดวก

ชุดโต๊ะเครื่องแป้ง และเก้าอี้ที่ได้มาด้วย ยังเหลือพื้นที่ข้างๆ อีกหน่อย อาจจะหาชั้นเล็กๆ มาวางเป็นชั้นเก็บของหรือชั้นวางหนังสือก็ได้

ระยะห่างระหว่างเตียงถึงตู้เสื้อผ้าเหลือเป็นพื้นทางเดินและพื้นที่ยืนแต่งตัวประมาณ 0.9 เมตร เพียงพอแล้ว

หน้าต่างของห้องค่ะ มีขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้า เป็นบาน Fixed และบานกระทุ้ง

มือจับแบบก้านโยกดังภาพ

มาถึงห้องสุดท้ายกันแล้วค่ะนั่นก็คือห้องนอนใหญ่

มองเข้าไปภายในห้อง มีขนาดที่กว้างขวางขึ้นมาจากห้องนอนเล็กอีกเท่าตัว และได้หน้าต่างมาทั้ง 2 ด้าน

เมื่อวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้ว ที่ฝั่งซ้ายจะเหลือพื้นที่ยืนแต่งตัว 1.2 เมตร ส่วนฝั่งขวาจะเหลืออีก 0.7 เมตร ซึ่งห้องนี้จะวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังทำได้เลยนะ (เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็คือเตียงนอนขนาด 5 ฟุต และโต๊ะข้าง 2 ตัว ตามภาพเลยค่ะ)

พื้นที่ปลายเตียงจะเหลือประมาณ 0.7 เมตร พอๆกับห้องที่แล้วเลย ก็ไม่ควรจะวางอะไรเพิ่มเติมแล้ว

โดยเราแนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังแทนนะ

ซึ่งจุดนี้จะมีปลั๊กไฟและสายอากาศเตรียมมาให้เรียบร้อย ใช้ของ Siemens เหมือนเดิม

ในส่วนของตู้เสื้อผ้า วางเอาไว้ที่ฝั่งขวาของเตียงนอน มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนเล็กเล็กน้อยค่ะ ประตูข้างๆคือห้องน้ำในตัว

ภายในตู้มีราวแขวนเสื้อผ้า และลิ้นชักเก็บของให้เหมือนเดิม

ทั้งวัสดุและสุขภัณฑ์ก็จะใช้แบบเดียวกันทั้งหมด การจัดวางสุขภัณฑ์จะวางไล่จากส่วนแห้งเข้าไปยังส่วนเปียก

อ่างล้างมือแบบฝังเคาน์เตอร์สำเร็จรูปพร้อมก๊อกน้ำแบบเดิม

โถสุขภัณฑ์ พื้นที่นั่งกว้างขวางขึ้นอีกค่ะ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำในโซน Shower ก็จะกว้างขึ้นอีก ขนาดประมาณ 1.5 x 0.9 เมตรเลย

ภายในติดตั้งฝักบัวมาให้แบบเดิม

ฝั่งตรงข้ามกับฝักบัว เจาะผนังทำชั้นวางสบู่ให้เรียบร้อย ข้อดีของห้องน้ำห้องนี้ก็คือ มีหน้าต่างระบายอากาศมาให้ด้วย

แบบ 1 Bedroom Plus (Type 1 BJ)

มาต่อกันที่ห้อง 1 Bedroom Plus (Type 1 BJ) ขนาด 43 ตรม. หน้ากว้าง 7.5 เมตร ตัวย่อ BJ หมายถึง Juliet Balcony ก็คือหน้าต่างที่สูงจากพื้นจนสุดฝ้าเหมือนประตูระเบียง แต่จะมีระเบียงกันตกกั้นตรงขอบหน้าต่างเลย ไม่มีพื้นระเบียงให้เดินออกไปได้นะ ห้องทุก Type จะทำพื้นที่ของระเบียงไว้ไม่มากแล้วมาเพิ่มพื้นที่ภายในตัวห้องให้แทน เพราะระเบียงเป็นพื้นที่ๆถูกใช้งานน้อย

ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 2 – 3 คน ห้องที่เพิ่มขึ้นมาจะสามารถเป็นได้ทั้งห้องอเนกประสงค์และห้องนอน แต่ห้องนี้จะอยู่ด้านในฝั่งโถงทางเดินเลยไม่มีหน้าต่างให้ ภาพรวมภายในห้องสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว ห้องครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบปิด ช่วยกันกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เคาน์เตอร์ครัวถูกจัดให้เป็นรูปตัว L เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการปรุงอาหารให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ประตูทางเข้าห้องก็จะใช้วัสดุและอุปกรณ์แบบเดียวกับห้องที่แล้ว

มุมมองเข้าไปภายในห้องจะเป็นโถงเล็กๆกว้างประมาณ 1.2 เมตร ซึ่งจะช่วงสร้างความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยได้ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องอเนกประสงค์ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำ พื้นของห้องจะปูด้วยลามิเนตลายไม้ ส่วนผนังจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ฝ้าเพดานภายในห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบสูง 2.5 เมตร ดวงโคมทั้งหมดเป็นดวงโคมดาวน์ไลท์กล่องสี่เหลี่ยม

มองย้อนกลับมาที่โถงทางเข้าห้อง จะเห็นประตูห้องน้ำ และตู้เก็บของ อยู่ฝั่งทางซ้าย

ตู้เก็บของหน้าห้องจะแบ่งชั้น สำหรับวางของที่หยิบใช้ค่อนข้างบ่อย ภายในซ่อนตู้ Load Center เอาไว้ด้วย

เข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อ

ทั้งวัสดุและสุขภัณฑ์ ภายในห้องน้ำ และการจัดวาง จะไม่ต่างจากห้อง 2 Bedrooms เลยค่ะ ขอข้ามไปเลยนะ

จากโถงทางเข้าห้อง มองเข้ามาภายในโถงใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนของห้องรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่น

มาดูที่ส่วนของห้องรับประทานอาหารกันก่อน ตรงนี้จะเป็นมุมผนังเข้าไปสามารถวางโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่นั่งได้พอดีๆ แต่ถ้ามี 3 คน เราก็สามารถต่อเก้าอี้เพิ่มได้อีก 1 ตัว และอาจจะทำโต๊ะให้มีส่วนที่สามารถพับเก็บได้เพิ่มเติม

ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็คือชุดนี้เลยค่ะ มีโต๊ะ 1 ตัว และเก้าอี้อีก 2 ตัว

มองไปที่ห้องนั่งเล่นซึ่งจะติดอยู่กับ Juilet Balcony ห้องกว้างถึง 3 เมตร มีระยะจากชั้นวางทีวีถึงโซฟาประมาณ 1.75 เมตรซึ่งเหมาะกับการดูทีวีจอขนาด 47 – 50 นิ้ว ถ้าติดทีวีแบบแขวนผนังก็จะสามารถดูทีวีขนาดจอที่ใหญ่กว่านี้อีกได้นิดหน่อยค่ะ

เฟอร์นิเจอร์ที่ได้มาก็คือ โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะกาแฟ แบบเดียวกันค่ะ

โต๊ะข้างตัวนี้ก็ได้มาเหมือนกันนะ

องไปที่ฝั่งชั้นวางทีวี ชั้นวางทีวีแบบเดียวกับห้อง 2 Bedrooms ได้มาเช่นกัน

มาดูในส่วนของ Juliet balcony กัน หน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน 3 ตอนมือจับแบบเซาะร่องมาตรฐานสามารถเลื่อนเปิดได้ตามภาพ ถ้าเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ธรรมดาก็จะเป็นหน้าต่างบาน Fix และหน้าต่างบานกระทุ้งค่ะ

จะเห็นว่าเมื่อเปิดหน้าต่างออกไปแล้วจะมีระเบียงกันตกขึ้นมากั้นเอาไว้ ไม่พื้นส่วนของระเบียง

มาดูในส่วนของห้องครัวกันต่อ ห้องครัวจะเป็นครัวแบบปิด มีประตูบานเลื่อนกระจกลูกฟูกกั้นระหว่างห้องเหมือนเดิม

พื้นภายในห้องครัวปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ผนังฉาบเรียบทาสี ได้ชุดเคาน์เตอร์ครัวมาแบบเดิม พร้อมทั้ง Hob&Hood และ อ่างล้างจาน

มองย้อนกลับ เคาน์เตอร์ส่วนปลายตัว L เป็นพื้นที่เตรียมอาหารเหมือนเดิม

จากห้องครัวจะเชื่อมสู่พื้นที่ระเบียง

ที่พื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. มีพื้นที่กว้างประมาณ 1 เมตร พอๆ กัน

นอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับตากผ้าแล้วก็จะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Compressor แอร์ของห้องด้วย ซึ่งห้อง 1 Bedroom plus จะได้แอร์มาทั้งหมด 3 ตัวโดยตัว

จากห้องครัวกลับออกมาที่โถงส่วนกลางของบ้าน ที่ฝั่งซ้ายคือห้องอเนกประสงค์ ส่วนฝั่งขวาคือห้องนอนค่ะ

มาดูที่ห้องอเนกประสงค์กันก่อน ทางโครงการออกแบบให้ประตูทางเข้าห้องนี้เป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอนทั้งผนังเพื่อให้แสงสว่างจากภายในห้องสามารถเข้าสู่ตัวห้องได้

ภายในห้องจะมีขนาดประมาณ 2.7 x 2.7 เมตร พื้นห้องก็ปูด้วยลามิเนตเหมือนกัน จริงๆแล้วห้องนี้เราจะจัดเป็นห้องนอนเล็กก็ได้นะคะ ตามห้องตัวอย่างได้จัดห้องนี้เอาไว้เป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งจริงๆแล้วในห้องนี้จะสามารถวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่งได้เลย

จากโต๊ะทำงานมาถึงโซฟาเหลือระยะอยู่ 90 ซม. โซฟาตัวนี้มีความกว้างประมาณ 3 ฟุตครึ่งซึ่งเราสามารถนำเตียงมาวางแทนได้เลยหากต้องการให้ห้องนี้เป็นห้องนอนเพิ่มอีก 1 ห้อง แต่ทางโครงการไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์ยกเว้นตู้เสื้อผ้าในห้องมาให้นะคะ เพราะลูกบ้านต้องเป็นคนเลือกเองว่าอยากให้ห้องนี้เป็นห้องอะไร

ที่ฝั่งขวาของห้องใกล้ทางประตูเข้า – ออกจะมีตู้เสื้อผ้าแบบ Built – in มาให้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่กว้างประมาณ 0.8 เมตร ข้างบนก็ยังสามารถวางของเพิ่มได้อีกนะ

มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อ ประตูห้องนอนจะเป็นบาน HDF เหมือนเดิมค่ะ

ภายในห้องนี้จะได้เตียงนอนขนาด 5 ฟุตมา พร้อมโต๊ะข้างอีก 1 ตัว หน้าต่างภายในห้องจะเป็นบาน Fixed และ บานกระทุ้ง เหมือนห้อง 2 Bedrooms

ระยะโดยรอบเตียงก็ยังสามารถเดินผ่านได้สบายๆค่ะ

ส่วนระยะปลายเตียงจะเหลือเป็นทางเดินอยู่ประมาณ 0.7 เมตร สามารถเดินผ่านหรือทำเตียงได้สะดวก แต่ไม่ควรวางอะไรเพิ่มแล้วนะ ถ้าจะติดตั้งทีวี แนะนำให้ใช้ทีวีแบบแขวนผนังค่ะ

ตู้เสื้อผ้าจะถูกวางเอาไว้ที่ฝั่งซ้ายของเตียงค่ะ

ซึ่งตู้ที่ได้ จะมีขนาดเท่ากับห้องนอนใหญ่ ของห้อง 2 Bedrooms เลย

:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (กุมภาพันธ์ 2561) ::::

วัสดุโดยรวม

• พื้นภายในห้อง : พื้นไม้ลามิเนต
• พื้นห้องน้ำและพื้นห้องครัว : กระเบื้องขนาด 60×60 ซม.
• พื้นระเบียงและพื้นตู้เก็บของ : กระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม.
• ผนังภายใน : ผนังฉาบเรียบทาสี
• ผนังห้องน้ำ : กระเบื้องขนาด 60×60 ซม.
• ประตูทางเข้าห้อง : ประตูบานไม้ปิดผิวด้วยเมลามีน มือจับแบบก้านโยก
• ประตูห้องน้ำ : ประตูบาน UPVC
• ประตูห้องนอน : ประตูบาน HDF
• ประตูห้องอเนกประสงค์ : ประตูบานเลื่อนกระจก
• ประตูห้องครัว : ประตูบานเลื่อนกระจกลูกฟูก
• ประตู – หน้าต่างภายนอก : บานเลื่อน, บานกระทุ้ง และบาน Fixed อลูมิเนียมกระจก

ห้องน้ำ และสุขาภิบาล

• สุขภัณฑ์ และ Accessories : American standard,VRH และ Mogen

งานไฟฟ้า

• ตู้ Load Center : Schneider electric
• สวิตช์ และปลั๊กไฟ : Siemens
• อุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย : Heat detector, Smoke detector และ Sprinkle ตามมาตรฐาน
• ดวงโคมทั่วไป : ดวงโคมดาวน์ไลท์กล่องสี่เหลี่ยม
• ดวงโคมในห้องน้ำ : ดวงโคมดาวน์ไลท์กล่องสี่เหลี่ยม
• ไฟระเบียง : ไฟกิ่ง

เฟอร์นิเจอร์

• ตู้เก็บของ Built – in
• ชุดโต๊ะรับประทานอาหารและเก้าอี้นั่ง
• ชุดโซฟา ประกอบด้วย โซฟา, โต๊ะกาแฟ และชั้นวางทีวี
• ชุดเคาน์เตอร์ครัว ประกอบด้วย เคาน์เตอร์ครัวท็อปหินแกรนิตสีดำอินเดีย, ตัวเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยเมลามีนบานเปิดแบบ Soft closed และชั้นเก็บของเหนือเคาน์เตอร์ Built – in
• อ่างล้างจาน, ก๊อกน้ำ, เตาเซรามิคขนาด 2 หัว และฮูดดูดควัน จาก MEX
• เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุตและขนาด 5 ฟุต (ไม่รวมฟูก) พร้อมโต๊ะข้างหัวเตียง
• ชุดโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนเล็กของห้องนอน 2 Bedrooms
• ตู้เสื้อผ้า Built – in ในห้องนอนทุกห้อง
• แอร์ภายในห้อง 2 ตัว สำหรับห้อง 1 Bedroom และ 3 ตัว สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus ขึ้นไป

***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ

:::: ราคา (กุมภาพันธ์ 2561) ::::

แบบ 1 Bedroom (Type 1 A)

– ขนาด 33.00 ตรม. หน้ากว้าง 5.5 เมตร

– สิทธิ์ที่จอดรถ 1 สิทธิ์

– ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท

• ค่ากองทุน 550 บาท/ตรม.
• ค่าส่วนกลาง ตร.วาละ 55 บาท/เดือน

***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

:::: สรุป ::::

ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา ตั้งอยู่ในโซนชานเมืองบนถนนรัชดา – รามอินทราซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ เป็นโซนที่พักอาศัยในแนวราบเกือบทั้งหมด เป็นโครงการบ้านจัดสรร ทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม, คอนโดมิเนียม และโฮมออฟฟิศ มีความเงียบสงบซึ่งภาพจะต่างออกไปจากคอนโดมิเนียมในตัวเมืองที่โดยรอบจะค่อนข้างคึกคัก และมีการสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก การกินอยู่ใช้สอยจะเกิดขึ้นด้วยระยะเดินเพียงนิดเดียว

ย่านนี้จะตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ แต่ไม่อยากเสียเวลาดูแลบ้านมาก ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็นับว่ารองรับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบายพอสมควร เพราะในย่านนี้จะมีทั้งห้างสรรพสินค้า, Community mall, Hypermarket, ร้านอาหาร และตลาดนัดให้เลือกไปเดินได้ตามถนนเส้นต่างๆใกล้เคียงกับตัวโครงการ โดยจะสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปได้สะดวก ตรงข้ามกับตัวโครงการเองก็จะมี The Junction เป็น Community mall สามารถหาของกินของใช้ได้สะดวก ไม่ต้องขับรถออกไปไกล

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกสบายเพราะตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรัชดา – รามอินทรา ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนเกษตร – นวมินทร์และถนนรามอินทรา ซึ่งถนนทั้ง 2 สายนี้เป็นถนนสายหลักที่ใช้เดินทางเข้าเมือง ทั้ง 2 เส้นนี้จะตัดกับถนนนวมินทร์ซึ่งสามารถใช้วิ่งลงไปเชื่อมกับถนนลาดพร้าวย่านบางกะปิเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองได้อีกทาง ตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ และวงแหวนกาญจนาภิเษกอีกด้วย

จากทำเลในย่านนี้ยังสามารถเดินทางไปยังโซนนอกเมืองฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือและบริเวณใกล้เคียงอย่าง มีนบุรี, รามอินทรา, หลักสี่, เกษตร – นวมินทร์, ประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วน) ได้สะดวก

การเดินทางโดยรถสาธารณะ การเดินทางหลักๆจากบริเวณทำเลโครงการส่วนมากจะพึ่งรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักเพราะปัจจุบันบนถนนรัชดา – รามอินทรายังมีรถประจำทางผ่านไม่เยอะมากนัก การเดินทางด้วยรถสาธารณะยังไม่สะดวกเท่าที่ควร แต่ภายในปี 2563 ก็คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรีก็จะสร้างเสร็จ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็นสถานีวงแหวนตะวันออก ห่างจากตัวโครงการออกไปประมาณ 5 กม. ซึ่งก็จะช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้นเยอะ

การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา – รามอินทรา เป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น ทั้งหมด 252 ยูนิตแบ่งออกเป็น 2 อาคาร ระดับราคา Economy class เฉลี่ยตรม.ละ 69,000 บาท โดยขายแบบ Fully Furnished สามารถหิ้วกระเป๋าเข้ามาพร้อมอยู่ได้เลย ซึ่งราคานี้ก็จะเบาลงมาหน่อยจากโครงการ แชมเบอร์ส รามอินทรา แต่ก็จะมีพื้นที่ใช้สอยที่ลดตามลงมาหน่อยเช่นกัน เนื่องจากโครงการเน้นผู้อยู่อาศัยที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักจึงได้ทำช่องจอดรถเอาไว้ 183 ช่องคิดเป็น 72.5 % ของห้องพักอาศัยโดยยังไม่รวมการจอดแบบซ้อนคัน ถือว่าให้มาอย่างเหมาะสมทีเดียว

ตัวโครงการออกแบบโดยวางอาคารทั้ง 2 ให้เหลื่อมกัน ระยะไม่ประชิดกันจนเกินไป ไม่ค่อยมีห้องที่ประชันหน้ากันซึ่งจุดนี้ถือว่าดีมากๆ เพราะทำให้เกิดความเป็นส่วนของลูกบ้านแต่ละยูนิตเหมือนกับอยู่อาศัยในบ้าน โดยจะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 126 ยูนิตต่อ 1 อาคาร มีอัตราส่วนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์โดยสารอยู่ที่ 63 : 1 เท่านั้น ถือว่าพอเพียงและไม่แออัด

ส่วนห้องแต่ละ Type ก็ถูกออกแบบมาให้มีหน้าห้องที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้ภายในห้องได้รับแสงจากธรรมชาติอย่างทั่วถึง การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ก็สามารถทำได้ลงตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับห้องที่มีหน้าแคบแต่ลึก จุดที่ดีอีกอย่างของห้องในโครงการนี้ก็คือจะลดพื้นที่ในส่วนระเบียงลงให้เหลือเท่าที่จำเป็นเพื่อมาเพิ่มพื้นที่ภายในห้องให้กว้างขวางขึ้น ด้วยการดีไซน์หน้าต่างห้องแบบ Juliet balcony ทำให้ลูกบ้านสามารถเปิดหน้าต่างรับลมชมวิวจากภายในห้องได้โดยไม่ต้องเสียเป็นพื้นที่ระเบียงไป

ส่วนวัสดุ, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มากับตัวห้องก็ได้มาตรฐานดี ถือว่ามีความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป

สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการถือว่าให้มาครบครัน แบบ Indoor ก็จะมีคลับเฮ้าส์ที่ชั้นล่างเป็น Lobby สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน ส่วนที่ชั้น 2 ก็จะเป็นฟิตเนส ภายในคลับเฮ้าส์สามารถ Take View จากสวนพักผ่อน, บ่อบัวพร้อม Sunken seating, สระว่ายน้ำยาว 27 เมตรพร้อม Pool Deck และ Day bed ได้ บริเวณภายในสวนถูกจัด Landscape ด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาลหมุนเวียนกันไป ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเองเลย ถือว่าไม่เลวเลยสำหรับคอนโดแบบ Low rise ที่ระดับราคา Economy class

ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยก็จะประกอบไปด้วยกล้อง CCTV, Security guard ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้ง Access card สำหรับเข้าสู่ตัวอาคารและระบบ Key card ภายในลิฟท์แบบระบุชั้น ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ

นอกจากนี้ทางโครงการยังบริการรถ Shuttle bus ให้แก่ลูกบ้านด้วย

:::: คะแนน ::::

:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::

CALL CENTER : 1749